Friday, October 10, 2008

แบบเรียนสมัยนู้นนนนน

สมัยเรียนประถมมัธยม เราๆท่านๆ คงเึคยอ่านและท่องจำคำกลอนกันอย่างนกแก้วนกขุนทอง โดยที่น้อยนักจะลึกซึ้งถึงความหมาย

ผมเอง ก็จำได้อย่างจางๆว่า สมัยมัธยมนั้น ก็ได้ท่องๆ อะไรแบบนี้มาเยอะ
แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะว่า พอเลิกเรียนแล้ว ก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านไปทันที
ต้องไปห้องภาษาไทย เพื่อฝึกอ่านทำนองเสนาะ

หนังสือที่เอามาฝึกอ่าน ก็เป็นแบบเรียน หรือ หนังสือเรียนที่รวมเอาวรรกรรมไว้รวมๆกัน

พอดี ก็ไปสะดุด กับบางบทบางตอน

กาพย์พระไชยสุริยา ที่เป็นแบบเรียนให้เด็กๆสมัยก่อนได้อ่าน
อ่านไปอ่านมา เจอบทนึง เป็นแม่ ก กา

อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวะนารี
ที่หน้าตาดีดี ทำมะโหรีที่เคหา
ค่ำเช้าเฝ้าสีซ เข้าแต่หฬ่กามา
หาได้ให้ภะริยา โลโภพาให้บ้าใจ

เด้กๆเรียนกันอย่างงี้เหรอสมัยก่อน

แต่ว่ามาเจอ แม่กด หนาวเลย

แม่ กด

(ยานี๑๑)

ขึ้นกดบทอัศจรรย์

เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
นกหกตกรังรวง สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
แดนดินถิ่นมนุษย์ เสียงดังดุจเพลิงโพลง
ตึกกว้านบ้านเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนขะเยื่อนโยน
บ้านช่องคลองเล็กใหญ่ บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดยกันเอง
พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวง โหง่หง่างเหง่งเก่งก่างดัง
ขุนนางต่างลุกวิ่ง ท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง
พันละวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน
พระสงฆ์ลงจากกุฎิ วิ่งอุดตลุดฉุดมือเณร
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน
พวกวัดพลัดเข้าบ้าน ล้านต่ล้านซานเซโดน
ต้นไม้ไกวเอนโอน ลิงค่างโจนโผนหกหัน
พวกผีที่ปั้นลูก ติดจมูกลูกตาพลัน
ขิกขิกรริกกัน ปั้นไม่ทันมันเดือดใจ
สององค์ทรงสังวาศ โลกธาตุหวาดหวั่นไหว
ตื่นนอนอ่อนนอกใจ เดินไม่ได้ให้อาดูรฯ


อ่านแล้ว โห โลมาชูชันทั้งอินทรีย์ โดยเฉพาะ วรรคสุดท้าย เห็นภาพชัดเจนมาก

แล้วครูเค้าอธิบายกันยังไงน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

0 Comments:

Post a Comment

<< Home