Wednesday, December 20, 2006

The King's Man


สำหรับหนังเกาหลีเรื่องนี้
ผมเห็นช่อง 7 โฆษณาหนังเรื่องนี้ รู้สึกชอบในบรรยากาศของฉาก และอลังการงานสร้าง และรวมถึงบทบาทของตัวละคร โดยเฉพาะ พระราชา ที่ตอนแรกนึกว่า พี่ปั๋ง ไปแสดงหนังเกาหลี เลยหวังว่าจะดูให้ได้ แต่ว่าดันมีสองโรงคือ พารากอน และที่สยามดิสฯ
แต่เผอิญว่าที่ ห้องสมุดปรีดี เค้ามีฉายพอดี เลยลงไปดูกับพี่โบโบ้และพี่เก้า

ไม่ได้จะมาวิจารณ์หนังเรื่องนี้นะว่าดีหรือไม่ เพราะว่า ไม่ใช่นันทขว้าง ดีหรือไม่ อันนี้ผมว่าอยุ่ที่ใครชอบมากกว่า




The King and The Clown เป็นหนังที่ถ่ายทอดความเป็นจริงระหว่าง พระราชา ขุนนาง และประชาชน

การกดขี่ของผู้นำซึ่งไม่ดำรงตนอยู่ในธรรม ก็มักจะโดนล้อเลียนออกมาในเชิงของการแสดง คล้ายกับประเทศหนึ่งซึ่งก็เคยล้อเลียนท่านผู้นำ ผ่านงิ้วมาแล้วนั่น แล้วก็ออกจะเป็นที่ชื่นชอบของคนดูซะด้วย เป็นการระบายออกทางหนึ่งของประชาชน (ไม่รู้ว่านายโรง อย่างอ.วิโรจน์ จะโดนเรียกไปพบแบบในหนังหรือไม่ - ฮา!!)
แต่อย่างไรซะสุดท้ายก็ถูกจับไปโบย
ผมมาสะดุดกับความขัดแย้งของฟิวดัลลอร์ดกับพระราชา รุนแรงจนถึงขั้นต้องปฏิวัติในตอนจบเรื่อง ทำไมมันหมือนกันไปได้ แถม พระมเหสีก็ยังร้ายอีก คุ้นๆเชียวล่ะ

ผมชอบในบทบาทการแสดงของพี่ปั๋งมาก แสดงบ้าๆ เหมือนคนวิกลจริตได้สมบทมาก ขโมยซีนไปหลายฉาก แต่รู้สึกว่ามเหสีนี่ยังร้ายไม่สะใจ ผู้เขียนเกาหลีอาจจะต้องหา เรือนรักเรือนทาส ไปดูซะหน่อย จะได้รู้ว่าตัวร้ายเนี่ยมันต้องร้ายอย่างไร ร้ายประมาณไหน

และที่ขาดไม่ได้คือบทบาทของ อีจุนกิ หรือ ลีจุนกิ ซึ่งได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้ เค้าหรือเธอคนนี้ รับบทเป็น กองกิล เป็น Ladyboy ผู้ซึ่งเติมเต็มความอ่อนโยน (คิดว่าไม่น่าจะใช่ความรักรัก) ให้กับพระราชา จนเป็นที่มาของความขัดแย้งระหว่าง พระราชากับตัวตลก จุนกิ แสดงได้ไม่เลวในซีนอารมณ์ และแสดงได้กุ๊กกิ๊กมาก ในซีนที่เล่นละครเป็นคนตาบอดกับเจ้าจางซัน พระเอกนั่น รวมถึงฉากถวายตัว? ในครั้งแรกด้วย








สุดท้ายลองเอารูปมา review กันครับ




























ส่วนเนื้อเรื่องนี่ขออนุญาตคัดลอกของท่านอื่นมา ลองอ่านดูครับ



ด้วยความที่ยากจน และใจอ่อน โกงกิรมักจะยินยอมต่อคำสั่งที่ผู้ว่าจ้างหรือเจ้าเมืองที่หลงใหลในรูปโฉมของ โกงกิร สั่งให้ทำอยู่เสมอ แต่ชางแซง ก้อไม่อยากให้เพื่อนต้องเอาตัวเข้าแลกเพื่อความอยู่รอด โกงกิรเผลอฆ่าคนรับใช้ของเจ้าเมืองที่จะตีขาของชางแซง (ถ้าขาหัก ก้อไม่สามารถร้องเล่นละครเร่ที่ใจรักกันได้อีกต่อไป)ทั้งสองจึงต้องหลบหนีเป้าหมายใหม่ที่ทั้งสองไปคือเมืองหลวงทั้งสองได้รู้จักกับนักแสดงท้องถิ่นและสุดท้ายได้ร่วมแสดงด้วยกันชางซอร หัวใสหยิบเอาเรื่องซุบซิบนินทาของกษัตรย์มาเล่นล้อเลียน ทำให้ชาวบ้านสนุกสนานชอบใจ สร้างรายได้ให้เป็นอย่างมาก แต่ก้อทำให้ทั้งหมดเกือบเดือนร้อนเมื่อขันทีจากวังหลวงมาจับ แต่ ชางซอร หัวใสก้อยังไม่ยอมจนมุมง่าย ๆ เอ่ยปากต่อรองไปว่าการแสดงนี่ก้อทำให้กษัตรย์สนุกสนานหัวเราะพอพระทัยได้ เป็นสาเหตุให้ทั้งหมดได้เข้าไปแสดงต่อหน้าพระพักตร์ กษัตรย์พระองค์นี้ ที่มีปมในจิตใจ พระองค์ไม่ถึงกับบ้าบอไม่รู้ความอะไรไปเลยซะทีเดียวหรอกนะคะพระองค์มีสนมที่รักและรู้ใจมาก พฤติกรรมที่มักจะโดนเอาไปซุบซิบก้อเพราะ พระองค์ทำตัวเหมือนเด็กตลอดเวลา ทั้งกับพระมเหสีที่มักจะเล่นเป็นแม่ลูกกันเสมอซึ่งเป็นเรื่องที่ ชางแซง เอามาเล่นละครล้อเลียนจนชาวบ้านติดใจ พระองค์ดูแล้วก้อหลุดขำออกมาเหมือนกัน เพราะชางแซงกับโกงกิรดันนึกมุขตลก ที่ตรงกับพฤติกรรมจริงที่พระองค์กับมเหสีทำจริง ๆเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น เมื่อพระองค์ติดใจรูปโฉมของ โกงกิร จนเรียกให้เข้าพบทุกคืน แต่ทั้งสองก้อไม่ได้มีพฤติกรรมชู้สาวอะไร เพียงแต่โกงกิร สามารถจับจุดอ่อนในจิตใจของพระองค์ เล่นตุ๊กตามือ เล่นไฟเล่าเรื่อง ทำกิจกรรมให้พระองค์สนุกเพลิดเพลินใจได้เสมอ แต่ก้อแน่ล่ะ ที่จะให้พระมเหสีไม่พอพระทัย เพราะ โกงกิร สวยซะ ชางแซง ได้รับเรื่องราวจากขันทีผู้จงรักภักดีที่นำตัวเข้าวังเสมอ ๆจึงนำเรื่องราวที่ได้รู้มา มาทำละครล้อเลียนสร้างความขบขันให้กับองค์กษัตรย์แต่เบื้องหลังแล้ว นั่นคือการกระตุ้นเตือนให้พระองค์ได้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบกายพระองค์ ทั้งเรื่องขันทีรับสินบน รวมไปถึงเรื่องที่พระองค์คิดว่าพระบิดาสังหารพระมารดา อย่างไร้เหตุผล ชางแซงและโกงกิร เล่นละครให้พระองค์ได้เห็นความจริงว่า ที่แท้จริงแล้ว พระมารดาโดนเหล่าสนมที่อิจฉา(เพราะมีลูกชาย)กลั่นแกล้งและพระบิดาโดนพระสนมคนอื่น บังคับให้เอายาพิษให้พระมารดาดื่มแต่ด้วยความที่พระองค์สติไม่สมประกอบ จึงทำให้ลุโทสะฆ่าพระสนมทั้งหมดตายทันที หลังจากที่ได้ดูละครที่ชางแซงและโกงกิรเล่น เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นอีก เมื่อเหล่าขันทีทั้งหลายไม่พอใจที่ทั้งสองมักจะแอบเปิดโปงเรื่องต่าง ๆ ผ่านการแสดง รวมไปถึงพระมเหสีที่ไม่พอพระทัยในตัว โกงกิรที่ได้รับความสนใจจากกษัตรย์มากกว่าตัวด้วยความที่โกงกิร สงสารองค์กษัตรย์จึงไม่อยากละทิ้งไปง่าย ๆ ทำให้ทั้งสองประสบปัญหามากมาย จนสุดท้าย ทั้งขันทีผู้ภักดี ชางแซง และ โกงกิร ต่างสุดกำลังที่จะช่วยองค์กษัตรย์ได้ ขันทีผู้ภักดี แขวนคอตาย ชางแซง และ โกงกิร แสดงต่อหน้าพระพักตร์จนถึงนาทีสุดท้าย องค์กษัตร์ย์และมเหสี ดูการแสดงที่สนุกสนานจนถึงวินาทีสุดท้าย ก่อนจะโดนเหล่าข้าราชบริพารรุมประชาทัณฑ์

0 Comments:

Post a Comment

<< Home