Thursday, October 12, 2006

ย่ำแดนมังกร(13): เปิดหน้าต่างโลก(2)

สอบเสร็จแล้วแม้จะเป็นไปแบบทุลักทุเลก็ตามที
คะแนนออกมาคงจะห่วยแตกไม่มีชิ้นดี
แต่อย่างไรเราก็ยังหวังว่าจะได้บี

ย่ำแดนมังกร ก็มาถึงตอนที่สิบสามแล้วซี
แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้ไปไหนไกลเลย
ยิ่งจะปิดเทอมแล้ว ก็ต้องรีบมาเขียนล่ะครับ
จบครบ หนึ่ง ปี ที่ไปแล้วล่ะ อิอิ



ความเดิมตอนที่แล้ว คณะทัวร์ก็มาอยู่กันที่ หน้าต่างโลก หรือ windows of the world แล้ว
เจ้าหน้าต่างโลก ก็เป็นที่ๆ คนที่มาเซินเจิ้น โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ไทย มักจะโดนจัดให้มา เหมือนที่คนจีนมาเมืองไทยต้องโดนพาไปวัดพระแก้วยังงั้นแหละ
งบประมาณในการสร้างมหาศาลทีเดียว เพราะว่าเป็นการจำลองเอาสถานที่สำคัญๆของโลกมาไว้ในที่เดียวกัน
แล้วก็ไม่ใช่ เล็กๆแบบที่พัทยานะ ก็เรียกว่าขนาดเท่าๆของจริง เลยทีเดียว แต่บางอย่างก็ย่อๆ ลงมาบ้าง
อย่าง วัดพระแก้ว นี่ย่อลงมาซะเล็กจิ๋ว
แต่ที่ใหญ่ๆ ก็เห็นจะเป็น หอไอเฟล ประตูชัย แกรนด์แคนยอน ที่สำคัญ มีเทือกเขาแอลป์ ที่แบบว่า เราไปเล่นสกีแบบในเมืองหิมะได้เลย

พอผมกับพี่ เข้ามาในอาณาเขตของ หน้าต่างโลก แล้ว
เราก็ ถ่ายรูปสิครับ ด้วยความที่เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ไม่หลงเท่าไร แต่ว่า เรามากันถึง เกือบทุ่มแล้ว ท้องฟ้ามืดมาก ก็เลยได้แต่ไปถ่ายรูปที่หอไอเฟล และที่อื่นๆ ก็ที่ทุ่มนึง เราจะต้องดูโชว์

ก่อนการแสดง ในบัตรเค้าก็ fix ที่ให้แล้วแหละ แต่วันที่ไป คนมันไม่มาก เก้าอี้ก็เลยออกจะว่างๆซะหน่อย เราโชคไม่ดีนัก ที่ไม่ได้นั่งตรงกลางๆ แต่ดันได้ไปนั่งริมๆ ก็เลยดูไม่ค่อยชัด

ด้าน สาวๆ ที่มาจาก เพชรบูรณ์ ประสบปัญหากับการหาที่นั่ง เพราะว่า คุณศิลป์ ไกด์ท้องถิ่น หาที่นั่งให้พวกเธอไม่เจอ ถึงกับเม้งแตกใส่ พี่ศิลป์ทีเดียว แต่ว่า ด้วยจรรยาบรรณของ ไกด์ ก็อดทนพอดู ท้ายที่สุด ก็ได้ที่นั่งกันทุกคน

โชว์ เปิดฉากมาด้วยความอลังการ ไม่รู้จะบรรยายยังไง ต้องไปดูเอาเอง แต่แนวคิดของโชว์ แสดงให้เห็นถึงการกำเนิดของโลก และอารยธรรมลุ่มน้ำต่างๆ เช่น ลุ่มน้าไนล์ ลุ่มน้ำสินธุ ฯลฯ นึกถึงตอนเรียน TU120 เลย ดูไปได้ซักหน่อย กลิ่นบุหรี่ ของ บรรดาจีนเจ้าถิ่นก็โชยมา ผมจับสังเกต เพื่อนร่วมทัวร์ว่าเหม็นจนแทบจะทนไม่ไหว กอปรกับลมเจ้ากรรม ดันพัดมาทางที่เรานั่งกันอีก เลยตัดสินใจ เปลี่ยนที่กันเลย ไปข้างหน้ากว่านี้ ก็แน่นอนว่าเห็นโชว์ชัดกว่า

กลิ่มบุหรี่ก็พอจะบรรเทาไปได้บ้างอย่างจางๆ แต่พระเจ้าฉินซีฮ่องเต้ช่วย!!!

ประหนึ่งหนีเสือมะเร็งร้าย มาปะจระเข้ เพราะว่า เราได้กลิ่นอะไรแปลกๆโชยมาอีกแล้ว นี่คงไม่ใช่โรงหนังแบบ สี่มิติ จะได้มีกลิ่นหนูเน่าจากอดีต

มองรอบกาย ก็ไปปะเอากับจีนเจ้าถิ่น อาเฮียแต่กำลังนั่งกระดิกเท้าดูโชว์อย่างไม่ยี่หระ ต่อสายตาหมู่มวลมนุษยชาติที่กำลังจ้องมองโรงงานผลิตกลิ่นอย่างเขม็งเกลียว อาฌอียท่านนี้ ถอดรองเท้าและถุงเท้า เพื่อความสำราญในการชมโชว์อย่างบ้าคลั่ง

เรียกว่า ไม่เป็นอันดูโชว์กันเลยทีเดียว

ผมกับพี่ เลยตัดสินใจ ผละจากโชว์ ที่ผมก็เริ่มจะเบื่อแล้ว ไปถ่ายรูปกันดีกว่า

เราตัดสินใจเดินไปที่ ชองเอลิเซ่ ไม่ใช่สิ!!

แต่ก็นั่นแหละ เราเดินตรงไปที่ประตูชัย และ หอไอเฟล อันตระหง่าน การจำลองละเอียดมาก คุณสามารถเดินขึ้นไปชม เมืองเซินเจิ้น ได้ โดยสะดวกโยธิน แต่เราเลือกที่จะไม่ขึ้นจะดีกว่า เพราะว่าเสียเวลา

ถ้ามากลางวันก็คงจะดีกว่านี้แน่!!!

แน่นอน เราก็ไม่ลืมที่จะชอปปิ้งของที่ระลึก ข้างใน ซึ่งประหนึ่งว่ามาจากทุกมุมโลก ตั้งแต่ อียิปต์ ตุรกี เนเธอร์แลนด์ แต่ไม่ยักกะมีตุ๊กตาชาววังจากไทย แต่ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่า Made in China นี่เอง แต่ถ้าซื้อมาแล้ว มาบอกว่า ไปประเทศนั้นๆมาละก็ ไม่มีใครไม่เชื่อแน่ สนนราคาก็พอรับได้ บางอันอาจจะมาปรากฏกายอยู่ที่สำเพ็งบ้านเราแล้วก็เป็นได้ อย่าประมาทไปเชียว!!

สนุกสนานกับการถ่ายรูปกันพักใหญ่ แล้วก็เดินกลับไปแถวๆที่แสดงโชว์ เพราะว่า เมื่อ โชว์แสดงจบตอน สามทุ่ม เค้าก็จะเอาพวกนักแสดง มาโชว์ตัว พาเหรด แล้วก็มีจุดพลุ ด้วย เรียกว่าทำได้อย่างอลังการ

ผมไม่เคยดูโชว์ในเมืองไทย อย่างสยามนิรมิต ก็ไม่รุ้ว่ามันจะเทียบกับที่นี่ได้หรือไม่ แต่ โชว์ที่นี่บอกได้คำเดียวว่า สุดยอดมาก ทางผู้จัดเค้าจะเปลี่ยนโชว์กันทุกๆ สามเดือน ล่ะครับ เพราะฉะนั้น โชว์ที่ผมดู เมื่อตอนไปกวางเจา กับ มาเที่ยวนี้ ก็เลยคนละชุดกัน



จบจาก หน้าต่างโลก เราก็เดินทางกลับโรงแรมแล้ว เพราะว่ามัน สามทุ่มกว่าแล้ว

พรุ่งนี้ ต้องกลับไปฮ่องกง ติดตามอ่านนะครับ

Tuesday, October 03, 2006

แม่ไม่ปลื้ม

ช่วงนี้จะสอบแล้วล่ะ ท่านทั้งหลาย
แต่เราต้องเจียดเวลา ช่วง Prime Time ไปดูละคร น้ำเน่าซะหน่อย
ไม่ได้จะเอามาเขียนเป็น Thesis หรอกนะ แม้ว่าจะเขียน proposal เกี่ยวกับน้ำเน่าก็ตามที

ตอนนี้ จันทร์ อังคาร ก็คงต้อง ดู เหยื่อมาร
พุธ-พฤหัส นี่ยังดี ไม่ค่อยมีอะไรดู
แต่ ที่ติดงอมแงม และออกจะ "ปลื้ม" ก็เห็นจะเป็น ขิงก็ราข่าก็แรง ช่องเจ็ด

ผมดูละคร เรื่องนี้มาตอน เด็กๆ มาก คิดว่า ตอน 4-5 ขวบได้
ตอนนั้น เค้าฉายช่อง เก้า ตอนบ่ายโมง
เล็ก ไอศูรย์ พูดไทยไม่ชัด เล่นเป็น คุณปวีร์
สาวิตรี สามิภักดิ์ เล่น เป็น ณิช
แล้ว ก็ ดวงเดือน จิไธสงค์ เล่นเป็น ภรณี
เรียกว่า พระเอก นางเอก เด่นเชียว

นอกจากบทบาทแล้ว เพลง ก็ยังติดหูมาถึงตอนนี้เลย
ประมาณว่า
"ขิงก็ราข่าก็แรง ต่างขัดแย้งแรงจริงๆ เบ่งใส่กันดื้อรั้นทุกที คอยขยี้จิตใจ ฯลฯ"

แต่ มาพ.ศ. นี้ คนที่จะต้องกล่าวถึง กลับไม่ใช่ พระเอก ออย และนางเอก ที่ตีบทเกือบจะแตกแล้ว อย่างขวัญ
แต่กลายเป็น คุณรุ่งทิพย์ แม่ของ พระเอก ออย ซึ่งรับบทโดยจารุณี
ซึ่ง คุณแม่ จะออกมาขโมยซีน แทบจะทุกฉากเลยทีเดียว
เมื่อก่อนยังไม่เท่าไร
แต่สองสามตอนมานี่ ขโมยถี่มาก
"อย่าทำอย่างนี้นะ แม่ไม่ปลื้ม"
" อย่าโง่ อย่าโง่ แม่ไม่ปลื้ม"
"จบ"

ปล. "จบ"เอาซะดื้อๆเลย