Sunday, September 24, 2006

ปฎิวัติ ปฎิรูป

หลังจากเหตุการณ์ ๑๙ กันยา (จริงๆน่าจะเกิด อีกอาทิตย์นึงมากกว่า) ทำให้ประเทศไทยในสายตาชาวโลกไม่สู้จะดีนัก แม้ว่าเราจะรู้อยู่เต็มอกว่า ท.ทหาร กับ ท.ทักษิณ เราก็คงเลือก อำนาจรัฐจากปากกระบอกปืน นั่น โดยดุษณี

ปฎิรูปครั้งนี้ ทำให้ผมตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยได้ติดตามเหตุการณ์สดๆ แบบนี้ ไม่รู้บังเอิญรึป่าว คืนวันรัฐประหารนั่น ตอนกลับบ้านก็ไม่รู้อะไรหรอก แต่ในใจดันนึกถึงเพลงของคาราวานขึ้นมา กลับมาถึง ก็หยิบไวโอลินมาลองแกะโน้ต เพลงนี้ แล้วก็เคลิ้มๆกำลังจะหลับ ก็มีคนโทรมาให้ดูช่องห้า ว่าผิดปกติ

ขอ เอามาลงแล้วกันครับ "ถั่งโถมโหมแรงไฟ"
แม้ว่าจะเป็นบทเพลงของพวกซ้าย แต่ก็พอจะเข้ายุคสมัยทีเดียว



www.caravanonzon.com
ถั่งโถมโหมแรงไฟ

คำร้อง สุรชัย จันทิมาธร ทองกราน ทานา

ปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่า
ปฏิวัติเพื่อเราประชาชาติไทย
มาร่วมกันดันกงล้อประวัติศาสตร์
สู่เอกราชจริงแท้และสดใส
จับอาวุธถั่งโถมโหมแรงไฟ
เพื่อก้าวไกลแห่งสังคมอุดมการณ์

ทหารแห่งประชาทำหน้าที่
กำจัดเหล่าไพรีปฏิกิริยา
ความลำบากนั่นคือมิตรล้างอุปสรรค
โค่นจักรพรรดิฟาสซิสต์ และศักดินา
มันก่อกรรมทำร้ายเราเรื่อยมา
ชาติประชาเป็นดังผู้พลีกรรม

มวลชนดั่งผนังทองแดงกำแพงเหล็ก
เอกลักษณ์นี่แหละหนาใช่คนต้อยต่ำ
คือผู้ยืนอยู่ยงคงทนยิ่ง
ทุกอย่างสิ่งผลิตผลมวลชนทำ
เรานักรบแห่งประชามาก้าวนำ
มือจะกำปืนกล้าประกาศชัย

อำนาจรัฐจักได้มาด้วยกระบอกปืน
ปืนต่อปืนมันยิงมาเรายิงไป
ติดอาวุธความคิดพิชิตศึก
ปลุกสำนึกปลดปล่อยและปลุกใจ
ปฏิวัติโค่นล้มสังคมแบบเก่าปฏิวัติ เพื่อเราประชาชาติไทย
มาร่วมกันดันกงล้อประวัติศาสตร์
สู่เอกราชจริงแท้และสดใส
จับอาวุธถั่งโถมโหมแรงไฟ
เพื่อก้าวไกลแห่งสังคมอุดมการณ์

หาฟังได้ที่
http://www.caravanonzon.com/tum/admin/musicfile/24.html

Monday, September 18, 2006

ย่ำแดนมังกร(12): เปิดหน้าต่างโลก(1)

เคยสงสัยมั้ยครับว่า เมื่อไรเราจะถึง ฮ่องกง กันซักที
ผมก็สงสัยเหมือนกัน
สงสัยว่า thesis กับ ซีรี่ส์ อะไรจะจบก่อนกัน
ช่วยติดตามอ่านกันต่อไปแล้วกัน


พอคณะทัวร์นี้ รีบเผ่นจาก ร้านขายผีชิว แล้ว อาศิลป์ ไกด์ท้องถิ่น และเฮียเรืองสิทธิ์ ก็พาเราไปกินข้าวเย็น....
แล้วเมื่อไร จะได้เที่ยวล่ะเนี่ย...
ร้านอาหารเย็นวันนี้ เป็นภัตตาคาร ตั้งอยู่ในหลืบ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า จะมีร้านอาหารมาตั้งแถวนี้ได้
ร้านนี้ตั้งอยู่ บนชั้นสาม ซึ่งแน่นอน เราก็ต้องขึ้น ลิฟต์ ไป

ผู้ร่วมโต๊ะ ยังเป็น กลุ่มเดิม
และหน้าตา อาหารก็เหมือนเดิม
และความเร็วในการกินก็เหมือนเดิม
เผลอแว่บ กองกระดูก ไก่ เต็มโต๊ะ เลยทีเดียว ไม่ใช่ของผมแน่
เป็นของ ใคร ก็ช่วยย้อนกลับไปดู ตอนเก่าๆเถิด

ไฮไลต์มาอยุ่ที่ตอนจะกลับ
เผอิญว่ามีร้านขายผลไม้อยุ่หน้าภัตตาคาร
เป็นพุทรา
แล้วมันจะแปลกอะไร
ไม่ใช่พุทราหน้าตา เขียวๆแบบบ้านเรา
แต่เป็นพุทราจีน ที่สีมันจะน้ำตาลๆ เขียวๆปน หน่อย
หวานๆ แหละ
แล้วพวกในทัวร์ก็แห่ รุมซื้อ แต่ไม่ใช่ผมแน่ เพราะสะระตะ แล้ว
ทำไมราคามันแพงกว่าที่เมืองไทยวะ
ก็เป็นอีกคดี ที่โดนเจ๊กต้ม เข้าให้ แต่เราก็ไม่พูดอะไรหรอก

จากนั้น รถก็พาเรามาถึง windows of the world
ก่อนจะถึง ตาศิลป์ก็ บรรยายสรรพคุณของสถานที่
ว่าเป็นยังไง
อี บอก ว่า พอไปก็จะเห็น "เจดีย์เหล็ก" ที่จำลองมาจาก "ปาหลี"

อารามด้วยความงง คือ จำได้เคยมาแล้ว มันมีเจดีย์เหล็กตรงไหน แล้วไอ้ปาหลี นี่มันที่ไหน ใกล้ๆบาหลี รึป่าว
มาถึงบางอ้อ ก็เพราะว่า ไอ้เจดีย์เหล็ก ก็คือ Eiffel Tower ที่ปารีส
แต่คนจีน เค้าเรียก ปารีส ว่า ปาหลี
หรืออย่าง
ประเทศไทย นี่เรียกว่า ไท่กั๋ว
อเมริกา เรียกว่า เหม่ยกั๋ว (แปลว่า ประเทศที่สวยงาม)
อังกฤษ เรียกว่า อิงกั๋ว (แปลว่า ประเทศที่กล้าหาญ)
ฝรั่งเศส เรียกว่า ฝ่ากั๋ว (เข้าใจว่า จะใช้เสียง แต่ถ้าจะแปลก็ ประเทศที่มีกฎเกณฑ์)
เยอรมัน เรียกว่า เต๋อกั๋ว (อันนี้ก็เป็นการใช้เสียงแหละ เพราะว่ามาจากคำว่า ดอยช์แลนด์ แต่ถ้าแปลก็ ประเทศที่มีคุณธรรม)

เราไปถึง ก็ทุ่ม นึงแล้ว ล่ะ จะไปดูอะไรล่ะ มืดแล้วนี่นะ
แต่ก็เห็น เจดีย์เหล็ก ติดไฟ แล้วก็ตัวหนังสือจีน ประหนึ่งว่า ฝรั่งเศสเป็นเมืองขึ้นของ จีนแดงซะอย่างงั้น
แต่ก็ช่วยไม่ได้















เบื้องหลัง คือ หอไอเฟล
















หน้าต่างโลก ตอนกลางวัน








ติดตามว่า เราจะเจออะไร อิอิ

Friday, September 01, 2006

ย่ำแดนมังกร(11) : ตื่นตาวัฒนธรรม

ความเดิมตอนที่แล้ว คณะทัวร์กว่า 20 ชีวิต กำลังจะนั่งรถไป ให้เจ๊ก หลอกขายของให้ ว่าแล้ว รถบัส ก็รับเราออกไป ในตัวเมืองเซินเจิ้น แล้ว
เซินเจิ้น ก็ไม่ต่างจาก กรุงเทพเมืองฟ้าอมร เท่าไร รถเยอะ แต่ที่ต่างคือ บ้านเรือนที่สร้างได้เหมือนกันมาก ส่วนใหญ่ก็มีแต่ตึกสูงๆ คนจีนไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอย่างแท้จริงหรอกนะครับ พวกเค้าต้องทำงานเก็บเงินแล้วก็ซื้อบ้าน แต่บ้านนี่จะอยู่ได้แค่ 50 ปี ต้องคืนให้รัฐบาล เหมือนกับ กับสัญญาเช่าตึกยังไงยังงั้น ฉะนั้น คนจีนมีเงินก็จะอุตส่าห์ถ่อไปซื้อบ้านที่ฮ่องกง ไว้ จะต้องมีเงินจริงๆนะ ถึงจะซื้อได้ ฮ่อฮ่อ

แค่ไม่กี่อึดใจ รถก็มาถึง ร้านขายผีชิว หรือ ปี่เซียะ ไม่อยากจะเล่าถึงประวัติของ ผีชิวเท่าไร อยากรู้หาอ่านกันเอาเองคงได้ เพราะว่ามันเป็นแหล่งรวมสารพัดสัตว์มงคลไว้ในตัวเดียว

ก้าวเท้าแรกเข้าไปเราต้องเผชิญหน้ากับ ผีชิวยักษ์ขนาดมหึมา และพบกับ คนขายของที่ เป็นคนจีนแต่ว่าพูดภาษาไทยได้ --ช่างน่าอัศจจรย์ที่เค้าต้องฝึกพูดไทย เพื่อจะหลอกขายของให้ -เซียมล่อตือ- น่ะสิ แล้ว แกก็พาไปดูความอัศจรรย์ คือ หินเรืองแสง! พอปิดไฟปุ๊บ หินก็เรืองแสงขึ้นมา ยังกะเสกแหนะ ใครมีโอกาสไปก็อาจจะได้เห็น

และแล้ว เค้าก็พาเรามาเจอกับ กับดัก อันใหญ่ คือลองนึกภาพว่า ปิดไฟมืดๆ แล้วก็เปิดประตูมา เจอกับ แสงสว่างจ้า พร้อมด้วย เหล่าเซลล์แมน ทั้งหลายกวักมือ หยอยๆ เรียกให้เราไปซื้อของเค้า
นอกจาก ผีชิวแล้ว ยังมีพวกจี้ ที่เค้าอ้างว่าเป็นทอง แต่แหม นะดูแล้วก็ทองหรอก แต่ขายแพงชิบหายเลย
พี่ผมก็อยากจะได้ จี้ทองรูปไก่ ราคา 1200 หยวน !!! จะบ้าเหรอแพงมาก เดินหนีเลย เจ้าคนขายไว้หนวดจิ๋ม เลยไปบอกไกด์ บอกว่า อย่าเดินหนีดิ ให้ต่อราคามา (อ้าว ก็ลดให้เลยดิวะ) เราก็บอกว่า มันแพงไปนะ มันก็กดเครื่องคิดเลข ฉึกๆ ลดให้ 20% จี้อันเท่าขี้ตาแมว แพงบรรลัยเลย เดินหนีอีก มันก็ตามมาอีก กะว่าให้ออกจากร้านไม่ได้ แล้ว ตาหนวดนี่ก็โผล่หน้ามาอีก บอกให้ต่อมาๆ ต่อไป 600 หยวน เกือบสามพันบาทไทย มันก็ให้แบบเสียไม่ได้ โถ่เอ๊ย เอาออสการ์ไปเลยเหอะ

นอกจากจี้แล้ว ไอ้ครีมบัวหิมะ ผสมไข่มุกทาแล้วไม่แก่ แต่หน้าอาจจะยับไปบ้างก็มีขายด้วย ให้ลองทากันอีก บรื๋อสสส์
ยังครับยังมีขายผีชิวที่เป็นพวงแบบเยาวราช เฮ่อ อุตส่าห์ไปถึงเซินเจิ้น ซื้อกลับมาก็คงเสียดายพิลึก ผมก็เลยรีบเผ่น ไปอีกห้อง เวร! ไปเจอเรือมังกรหยก อีกซะงั้น ก็เลยรีบเผ่นออกมาจากร้านดีกว่า น่ากลัวชิบหาย

ก็มานั่งรออยู่บนรถได้พักใหญ่ ทุกคนมีของติดไม้ติดมือมาครับ ทั้งผีชิว เรือมังกร สร้อย จี้ พี่ผมก็ซื้อ จี้ทองรูปไก่ แต่ก็ราคาต่อรองแล้วมันไม่โหดร้ายมาก ก็พอทน บ้านเราแถว ข้าวสารนี่ก็มีร้านขายไม่ต้องไปไกลถึงเมืองจีนหรอกนะจะบอกให้

ไอ้ที่ตื่นตาวัฒนธรรม ก็วัฒนธรรมการขายนี่แหละ ตื้อชิบหายเลย พับผ่าสิ!!!