Thursday, December 27, 2007

แจกไปทำไม

ผมว่าจะไม่เขียนบลอค การเมือง แต่มันก็อดไม่ได้จริง
หลังเลือกตั้งแล้ว ดูเหมือนว่า เราจะไม่มีหวังกับพรรคของหนุ่มหน้ามนกันเลย
ปชป ไม่สามารถสู้ พลังนอมินี ได้ เลยทุกกระบวนท่า
แม้จะชนะ ในสนาม กทม. ภาคใต้ ภาคตะวันออก แต่ก็โดนกระแส และกระสุน ในภาคเหนือและภาคอีสาน

คงต้องยอมรับกันจริงๆ เสียทีว่า ภาคเหนือและภาคอีสาน คนรักทักษิณจริงๆ อย่าไปว่าชาวบ้านเลย ก็ในเมื่อ ปชป ไม่เคยทำอะไรให้ชาวบ้าน
เพื่อแผ่นดิน ก็ไม่เคย
แล้วพอเลือกตั้ง จะให้ชาวบ้าน กา ปชป หรือ พผ. ได้อย่างไร
นั่นก็ปัจจัยหนึ่ง
อีกปัจจัยก็เห็นจะเป็น กระสุน
ผมก็ไม่แปลกใจที่เมืองไทย ยังมีการซื้อเสียง
แต่แปลกใจที่ พอรับเงินแล้ว ชาวบ้านก็เลือก ขอชื่นชมในความซื่อสัตย์แบบนี้ แต่ก็อดสูใจ แถมงวดนี้ ยังดันทะลึ่งให้นับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งอีก
การซื้อยกหน่วย หรือ เช็คคะแนน ของผู้สมัครทำได้ง่ายเหมือนการเลือกตั้งเมื่อครั้งก่อนนู้น

หลังจากเลือกเสร็จ พลังนอมินี กวาดเรียบ ส.ส.เขตไปเกือบ 200 ที่ พลังประชาชน คงไม่ยี่หระ กับใบเหลือง 3 ใบแรกเท่าไร
เพราะว่า 233-3 เหลือ 230 มันจิ๊บจ้อย
แถมกระแสและกระสุนในพื้นที่นั้น ยังแรงอยู่
อีกอย่าง ผมว่า อย่างไรซะ คู่แข่งอย่าง รวมใจไทย ก็คงจะไม่เอาแล้ว เพราะว่า ถึงจะชนะ ก็ได้เพิ่มมาแค่ 1-2 ที่นั่ง คงไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปในการเลือกตั้ง

ใบเหลืองของ กกต. ก็คงจะไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนัก กับการเมือง
และความหวังของ คนรักอภิสิทธิ์
พลังประชาชน ยังมีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลได้ ขอแค่ดึงพรรคเล็กพรรคน้อย มาร่วมได้ให้เสียงเกินครึ่ง ก็พอ

ใบเหลืองไม่ช่วยอะไรเลย


Tuesday, December 25, 2007

วันวาน

หลังเลือกตั้งผ่านไป บ้านผม(ด่านขุนทด) ก็ดูจะตื่นตัวกับการลุ้นผลการเลือกตั้ง แล้วพอรุ่งขึ้น ก็เหมือนเดิมทุกชีวิตก็ดำเนินเดินต่อไป โดยหาได้สนใจกับ ส.ส.คนใหม่ และ ส.ส. ก็คงไม่ได้สนใจคนที่ไปกาเพื่อดันตูด ส.ส.นั้น เข้าสภาฯ แต่อย่างใด

ทุกอย่างปกติ

ถึงคริสมาสต์อีฟ ไม่มีซานต้า แต่บ้านผม มีงานงิ้ว

งานงิ้ว เป็นงานประจำปี ของคนในตลาด ที่จะไปหางิ้ว มาเล่นให้เจ้าพ่อ และก็คนจีนในตลาดดู

งานงิ้ว ปีนี้ ไม่ใช่มีแต่โรงงิ้ว มีทั้ง ลิเก คอนเสิร์ตลูกทุ่ง ของเล่น ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ บิงโก ลานเบียร์ ฯลฯ

พ่อผมนึกสนุก ออกไอเดียให้ขายขนมปังปิ้ง ขายในลานเบียร์ ก่อไฟเตาถ่านราวกะจะย่างบาร์บีคิว

ไหม้ไปหลายแผ่น กินเองซะ

ผมไม่รู้ว่า คนกินเบียร์เค้าจะกินขนมปังปิ้งเป็นกับแกล้มรึป่าว

แต่ว่าผม ขายได้แค่ 70 บาท เอง ลงทุนไป 400 บาท แต่ก็ไม่ได้คิดมากอะไร เหมือนกับทำกินกันเล่นๆมากกว่า

สองทุ่ม ผมกับพี่สาวเก็บร้าน ทั้งๆที่มาตั้งร้านได้ตอนทุ่มนึง

จะขายทำไม เราไปเดินเที่ยวดีกว่า

บรรยากาศคล้ายงานภูเขาทอง แต่ไม่มีเมียงูให้ดูนะ

ผมเดินไปดู งิ้ว ความทรงจำเก่าๆกลับมา เยือน

ภาพของงิ้วโรงใหญ่ ฉากอลังการ เสื้อผ้าหน้าผม เก้าอี้เรียงรายเต็มหน้าโรง มีคนมาจับจองที่กัน หน้าโรงมีขายตังเม และมีเกมส์กดให้เด็กเล่นเช่าเล่น สิบนาที ห้าบาท เสียงกลอง ดังกระหึ่ม

ตอนนี้ งิ้ว ในความทรงจำของผม กลายเป็น โรงงิ้วยกพื้นเตี้ยไม่ถึงครึ่งเมตร ฉากดูเหมือนเด็กอนุบาลหมีน้อยมาวาด เสื้อผ้ามอซอ ไม่มีคนนั่งดู ไม่มีเก้าอี้ให้จอง เสียงพูดเบาเหมือนกำลังนินทาใคร ยุคเสื่อมของงิ้วเสียแล้วกระมัง

ถัดกันของฟากถนน เสียงเพลง และเสียงเบส ดังเร้าใจ บนกระบะรถหกร้อน สาวโคโยตี้ เต้นตามจังหวะ ไม่ได้น่าดูเลย เพราะว่า ขาดำเป็นเหนี่ยง แต่คนก็มุงดูกัน

ถัดมาอีกข้าง เสียงปี่กลองรัว ลิเกกำลังแต่งตัว ผมเดินผ่านไป เมื่อ 3 ทุ่ม แขกยังไม่ออก

3 ทุ่มครึ่ง ลิเก พึ่งออกเเขก

4 ทุ่ม ออกแขกยังไม่เสร็จ

4 ทุ่มครึ่ง ปี่กลองยังเชิด แต่ยังไม่เห็นใครออกมาแสดง

ผมกลับบ้านนอน

พร้อมด้วยตุ๊กตาหมา จากการเล่นปาโป่ง ครั้งเดียว

และเงินหายไป 100 จากการเล่นบิงโก

Friday, December 21, 2007

ตัวประหลาด

ตอนเด็กๆ แถวบ้านนอกอย่างบ้านเกิดผม ซึ่งเป็นชนบทแบบแปลงเพศแล้ว คือจะกันดาร ก็ไม่ใช่ จะศิวิไลซ์ก็ไม่เชิง มันเหมือนเป็นอำเภอไฮบริด
รถบรรทุกวิ่งกันขวักไขว่ บ้างก็ขนดินขนทราย แต่ที่เห็นจะเป็นที่ตื่นเต้นของเด็กบ้านนอกอย่างผม ก็เห็นจะเป็นรถท่อนซุงลำใหญ่ กะเกณฑ์ด้วยสายตา ก็เดาๆว่าจะหลายคนโอบอยู่
ผมถามพ่อว่า มันจะไปไหน พ่อบอกว่า มันจะไปโรงเลื่อยสิ
แล้ว ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า มันมาจากไหน...
เหมือนกับที่ผมสงสัย มนุษย์อีกหลายๆคนแถวบ้าน ว่าพวกเค้ามาจากไหน

มนุษย์พวกนี้ เดินไปเดินมาผ่านหน้าบ้านผม และหน้าบ้านใครๆ มีหลายคนมาก
เอาที่มันจี๊ดเข้ามาในหัวเลย
คุณเครา หรือไอ้เครา
เป็นชายหนุ่ม แต่ไว้เคราเอาเสียรกรุงรัง เสื้อผ้าขาดวิ่น สกปรกอย่างร้ายกาจ ที่สังเกตเห้นคือเค้าออกจะมีอาการเสียสติอยู่ด้วย แต่ว่าก็ไม่ได้ทำร้ายใคร
นายผู้นี้ จะเดินสะเปะสะปะ หาที่หลบร้อน ไปตามตลาด หาเศษอาหารกิน เศษอาหารที่ว่า ก็จะเป็นอาหารเหลือๆตามถังขยะนั่นแหละ
ผมกลับมานึกย้อนดู ก็ไม่ต่างอะไรกับ สุนัขตัวนึงเลย
คนแถวนั้น ก็มองนายนี่แบบประหลาดๆ
ผมก็ไม่รุว่าเค้าจะรู้สึกยังไง เวลาโดนมองแบบนั้น แต่ยังไง
ตอนนี้ไม่มี นายเคราแล้ว สงสัยอาจจะไม่ชอบรสชาติอาหารแถวบ้านผม

มนุษย์ประหลาดอีกคน แ ผมก็ไม่รุ้จักชื่อ หรอก แถวบ้านเรียกว่า ไอ้มวนยาใหญ่
ขออธิบายศัพท์นิดนึง มวนยา ก็คือยาสูบ นี่เอง เอากระดาษมาห่อยาสูบ ม้วนเป็นทรงกระบอกคล้ายบุหรี่ เรียกว่า มวนยา
นายคนนี้ ก็จะเดินสูบยา แล้วขนาดของยาสูบ มันใหญ่จนเป็นที่สังเกต
นอกจากจะคาบยาสูบแล้ว นายคนนี้สงสัยจะดูหนังจีนมากเกินไป แกจะมีถุงผ้าใบใหญ่แบกเดินติดตัวไปตลอด ดูเผินๆเหมือนบุรุษไปรษณีย์เอาจดหมายมาส่ง คนก็จะมองแกเหมือน
กันว่าแกจะแบกอะไรไปไหน
คนนี้ที่ว่าแปลกคือ เป็นมนุษย์ไม่มีบ้าน แกก็จะหากินด้วยการเดินบอกหวยคนไปทั่ว แล้วก็จะรอให้หวยออก ถ้าเกิดถูก ผมเดาเอาว่า แกก็อาจจะได้รับค่าตอบแทนบ้าง
มีครั้งนึง แกเดินมาบอกหวยพ่อผม ปรากฏว่า ดันถูกขึ้นมาซะงั้น เป็นเรื่องไม่น่าจริง
แต่กระนั้นก็เหอะ คนแถวบ้านผม ก็มองนายนี่แบบประหลาดๆ
ผมก็ไม่รุว่าเค้าจะรู้สึกยังไง เวลาโดนมองแบบนั้น แต่ยังไง
ปัจจุบัน มนุษย์นี้ ก็ยังเดินอยู่แถวบ้านผม ใครมีโอกาสได้ไปลองไปนั่งสังเกตดู

อีกคนที่มันติดตาผมอยู่ คือ บุรุษเพศ นายหนึ่ง จำได้ว่า แถวบ้านเรียก เมฆินทร์ สงสัยจะเป็นตอนที่เรื่อง แก้วขนเหล็ก กำลังดังแล้วตานี่ดันคลอดออกมา
มนุษย์นี้ จะแต่งตัวคล้ายคาวบอย ใส่กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ต มีผ้าพันคอ ขาดแต่หมวก แค่นั้น เดินไปเดินมา แกจะมีอาวุธคือ กล้องถ่ายรูป เที่ยวเดินไปทั่วตลาด ซักพัก ก้จะใช้กล้องนี่
แหละถ่ายรูปคนในตลาด (ผมไม่ได้สังเกตว่า แกถ่ายรูปหมารึป่าว) จากนั้นไม่เกินสองวัน เค้าคนนี้ก็จะมีคอเล็กชั่น รูปของพวกแม่ค้าในตลาด และมนุษย์เดินถนนทั้งหลายมา
เสนอขายให้กับเจ้าของภาพ ราคา ก็ใบละ 10 บาทมั้ง สมัยนั้นก็ว่าแพงนะนั้น หากินประหลาดๆ แต่ผมก็ไม่เคยโดนนายคนนี้ถ่ายหรอกนะ
พอชาวบ้านแถวบ้านผมรู้กลวิธีของนายนี่แล้ว
ก็มองนายนี่แบบประหลาดๆ
ผมก็ไม่รุว่าเค้าจะรู้สึกยังไง เวลาโดนมองแบบนั้น แต่ยังไง
ตอนนี้นายคนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่า หันไปเอาดีด้านอื่นรึยัง

แต่ว่าเมื่อเร็วๆนี้ แถวบ้านผมก็มี คนประหลาดมาอีกคนแล้ว
คนนี้ดูเผินๆ ก็เป็น คนธรรมดาทั่วไป แต่พฤติกรรมของเค้า ชวนให้คนอื่นงง เอาได้เหมือนกัน
นายนี่ ก็จะเดินไปเดินมา พร้อมด้วยกระเป๋าซึ่งในนั้นบรรจุกล้อง canon SLR แต่ส่วนใหญ่เค้าจะเอาคล้องคอ เดินไปเดินมา
นอกจากกล้องตัวใหญ่นั่นแหละ เค้าก็มีกล้องอะไรต่อมิอะไรสารพัด
กล้องที่มันถือก็หน้าตาประหลาดๆ
กล้องบางตัวก็ปล่อยแฟลชสีแดง สีเหลืองออกมาได้
กล้องบางตัวก็มีสี่รู จะถ่ายก็หมุนๆ
เมื่อเค้าถ่ายรูปที่เค้าอยากถ่าย คนรอบข้างก็จะมองเค้าด้วยสายตาแปลกๆระคนสงสัยว่าไอ้หมอนี่ มันเพี้ยนๆรึป่าววะ
ถึงตรงนี้ ผมเริ่มรู้สึกเข้าใจว่า เวลาโดนมองประหลาดๆนั้น จะเป็นยังไง