Saturday, November 29, 2008

ปิดสนามบินแล้วยังไงล่ะครับ

Thursday, November 06, 2008

รู้จักกับ COP14

หลายคนคงเคยได้มีโอกาสชมภาพยนตร์ The inconvenient truth กันมาบ้าง หนังสารคดีที่มี อัล กอร์ เป็นตัวดำเนินเรื่องนั่นแหละ
หนังเรื่องนี้ ชี้และกระตุ้นให้ผู้ชมตระหนักถึงภัยอันตรายของภาวะโลกร้อนซึ่งจะมีผลกระทบต่อมวลมนุษยชาติทั้งโลก

ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการตื่นตัว รณรงค์ใส่ใจเรื่องโลกร้อน และก็เกิดเป็นกระแสถุงผ้าลดโลกร้อนในเมืองไทย ฮิตราวกับกระแสมือตบพันธมิตรอย่างนั้น

แต่เวลาอันใกล้ แต่ละประเทศจะได้แสดงบทบาทและจุดยืนเกี่ยวกับปัญหาโลกร้อนอีกครั้ง ในการประชุม ที่มีชื่อภาษาอังกฤษยาวเฟื้อยเลื้อยขึ้นหลังคา ว่า
The 14th Conference of the Parties to the United Nations Framework Convention on Climate Change (UNFCCC) หรือชื่อย่อคือ COP14

ดูจากชื่อก็พอจะทราบว่า เป็นการประชุมว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของประเทศในภาคีอนุสัญญา UNFCCC นี่เอง

COP14 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม ที่เมือง Poznan, Poland

บนเวที COP14 จะเป็นการเจรจาความเมืองเรื่องโลกร้อน ซึ่งก็จะแบ่งย่อยออกเป็นหลายๆเรื่อง เนื่องจากประเด็นโลกร้อนเข้าไปเกี่ยวพันกับหลายๆส่วนของระบบเศรษฐกิจและวิทยาศาสตร์

ด้านฝ่ายเศรษฐกิจ ก็คงต้องยอมรับว่า ประเด็นเรื่องโลกร้อนกลายมาเป็น ปัญหาการกีดกันทางการค้าแบบใหม่ไปแล้ว ประเทศไหนที่ผลิตสินค้าโดยปล่อย Greenhouse Gas (GHGs) ออกมามาก ก็จะโดนห้ามส่งออกไป EU ซึ่งก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่าสงสาร เพราะว่า ประเทศเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็เป็นประเทศกำลังพัฒนาไม่มีเทคโนโลยีในการผลิตเพื่อลดการปล่อย GHGs ซึ่งนั่นก็เป็นประเด็นหนึ่ง ที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องปรับตัวและต่อสู้ในข้อนี้

เป็นตัวอย่างข้อขัดแย้งทางการค้าที่ขอยกมาให้ดูพอเห็นภาพ
เพราะทั้งที่จริงมีเรื่องของการปล่อย GHG ตลาดซื้อขายคาร์บอน เครื่องมือและข้อปฏิบัติหลังจากพิธีสารเกียวโตหมดอายุลงไปในปี 2012 ซึ่งเป็นประเด็นที่มีทั้งผู้ได้และเสียประโยชน์
ส่วนสายวิทยาศาสตร์ ก็มีการพูดกันถึงการช่วยเหลือและพัฒนาเทคโนโลยี ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาว่าจะช่วยกันลดโลกร้อนหรือลดการปล่อย GHG กันอย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ ประเทศที่พัฒนาแล้วก็ตั้งแง่ เพราะว่าไม่อยากจะเสียเงินให้กับ LDC โดยที่ประเทศตัวเองไม่ได้อะไรตอบแทนกลับไป

เป็นแค่ตัวอย่างน้ำจิ้ม ความดุเดือดเลือดพล่านของการเจรจาความเมือง เรื่องผลประโยชน์ระหว่างประเทศ รวมถึงความเป็นไปของโลก

COP14 จึงเป็นเวทีที่น่าจับตามองอย่างยิ่งว่า โลกจะไปทางไหน และไทยจะไปทางใดในกระแสการเมืองโลก

อย่าหวังมากไป

นาทีนี้ขอเกาะกระแสความแรงของ ประธานาธิบดีผิวสี (ไม่ใช่ผิวสีแต๊ๆ เพราะอี เป็นลูกครึ่ง) คนแรกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปบริหารประเทศ สืบแทนนาย บุช ผู้ลูก

ในยามนี้ อเมริกาต้องการอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วกอบกู้วิกฤตด้านเศรษฐกิจ
ดูเหมือนคนอเมริกัน ก็หวังอย่างสูง ให้ โอบากง เอ้ย โอบาม่า เข้ามาแก้ปัญหา

ใครอยากรู้เรื่องเลือกตั้ง ประธานาธิบดี เพิ่ม ก็หาอ่านได้จาก CHANGE ของปกป้อง จันวิทย์ คนกันเอง

สถานการณ์ยามนี้ ของสหรัฐฯ ทำให้นึกถึง ตอนสมัยรัฐบาลชวน2
ไทย เผชิญต้มยำกุ้ง อัศวินขี่ม้าขาวผู้มาพร้อมความหวัง ก็คือ ใบมีดโกนเล่มงาม ผู้จบกฏหมายจากธรรมศาสตร์ (สาขาเดียวกับที่ โอบาม่า จบมา)
คนไทยหวังว่า ทีมเศรษฐกิจอย่าง ดร.ซุป และ เฮียธารินทร์ จะเข้ามาช่วยได้
แต่กลายเป็นว่า ทั้งสองคนดันมาชวนกันมากินเกาเหลาซะงั้น
ยิ่งกลายว่า ซำ้เติมปัญหาเข้าไปอีก

สุดท้ายคนไทยเบื่อ ชวน เลยหันไปเท ให้กับ ทางเลือกใหม่ ที่เค้าอ้างคล้ายๆกับว่า
เรามาเปลี่ยน --> คิดใหม่ ทำใหม่ (มัน CHANGE we need) ป่าวอะ
แล้วตาแม้ว เค้าช่วยชาติได้จริงมั๊ย
อันนี้ขอยกไว้ เพราะว่าไม่อยากพูดถึง เพราะไม่ชอบนโยบายหลายๆอย่างของแม้ว เมี้ยว

แต่ผมก็ไม่รู้ว่า การเมืองแบบไทยๆ และคนแบบไทยๆ
จะไปเกิดแบบที่ สหรัฐหรือไม่ เพราะว่า พื้นฐานหลายๆอย่างไม่เหมือนกัน

แต่ก็น่าหนักใจแทน โอบาม่า ที่เหมือนได้รถจากัวร์คันงาม แต่ยางดันรั่วเสียนี่
ูดูกันต่อไปว่า โอบาม่า จะเปลี่ยนยางหรือสตรีมยาง ยังไง