Tuesday, August 29, 2006

ร้อยหน้า ร้อยเรื่อง(1)

ตอนนี้มีภารกิจ นอกจากการเรียนแล้ว นอกจากเป็น ทีเอ แล้ว
ก็ ขอเขียนเรื่องราวลง บลอค ให้จบ คือ เรื่องไปเที่ยวจีน แล้ว
ก็อันที่จะได้อ่านต่อไปนี้
คือ ร้อยหน้า ร้อยเรื่อง
อนุสนธิ จาก การนั่ง ดูทีวี เรื่อง จูเลียส ซีซ่าร์ พบว่า
บุคคลในประวัติศาสตร์ก่อนจะมี กล้องถ่ายรูปนั้น ใบหน้าที่แท้จริงแล้ว
ควรจะเป็นอย่างไร แล้วหน้านั้นบอกอะไรเรา ขอให้ติดตามอ่านด้วยความคารวะ



包青天
ช่วงนี้ ช่องสาม เจ้าของสโลแกน -คุ้มคลั่งทุกนาที ดูทีวีสีช่องสาม-
เอา เปาบุ้นจิ้น ซีรี่ส์อันโด่งดังของไต้หวันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมาปัดฝุ่นฉายใหม่ แล้วก็ได้รับกระแสตอบรับดีพอควร จนต้องย้ายเวลาเพราะว่า คนดูด่าว่ากลับบ้านดูไม่ทัน

เปาบุ้นจิ้น หน้าดำจริงเหรอ???

คือจะบอกว่า เปาบุ้นจิ้น mutation เป็นปรากฏการณ์ผ่าเหล่าครั้งสำคัญของชนชาติเผ่าฮั่นเลยทีเดียว
ตามชาติพันธุ์ของเผ่าฮั่น เป็นมองโกลอยด์ ผิวสีเหลือง
แต่ เท่าที่เรารู้คือ คือ เปาบุ้นจิ้นเกิดมาก็หน้าดำ แถมมีพระจันทร์เสี้ยวอีกต่างหาก

หน้าเปาบุ้นจิ้น ปรากฏครั้งแรก บนกล่องผงซักฟอก เปา เพื่อบอกว่า สินค้าเรายุติธรรม นะจ๊ะ ไม่ยักกะบอกว่าใช้แล้วผ้าขาวจะกลายเป็นดำแบบหน้าเปาบุ้นจิ้นหรือไม่??

จากนั้น ซี่รี่ส์ เปา ก็ทยอยเข้ามาเมืองไทย
เปาบุ้นจิ้น
เปาบุ้นจิ้นเผด็จศึก
เปาบุ้นจิ้นขุนศึกตระกูลหยาง
เปาบุ้นจิ้นตอนหนุ่ม

แต่ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่หน้าดำทั้งสิ้น
แม้ว่าเปา ตอนหนุ่ม จะเหมือนไป get tan มาก็ตาม ไม่ได้ดำเป็นเหนี่ยง เหมือน เปาตอนแก่
สงสัยยิ่งแก่ยิ่งดำ


จริงๆแล้วเปาบุ้นจิ้นหน้าตาเป็นยังไงน้า



อันนี้เป็น เปาบุ้นจิ้น หน้าขาว แสดงโดย โจวซิงฉือ อู๋ม่งต๊ะ ไม่ได้เกี่ยวกับเปาบุ้นจิ้นหน้าดำอย่างไร แต่ฮามาก เรื่องของเรื่องคือ โจวซิงฉือชื่อ --เปาหลงซิง-- เนี่ย เป็นผู้ช่วยนายอำเภอในสมัยราชวงศ์ชิง แต่ดันทุจริตกินสินบน เพราะว่าเชื่อพ่อทีสอนว่า "ซื่อกินหมด คดกินได้นาน" แต่สุดท้ายโดนหักหลัง พ้นจากตำแหน่ง แล้วก็ต้องหนีไปเรื่อยๆ จนได้ดี ไปเจอกับฮ่องเต้ที่ดันไปเที่ยวหอคณิการ์ แล้วก็เลยตั้งให้ เปาหลงซิงกลายเป็นผู้ตรวจการ 8 มณฑล มารื้อคดีที่ตัวเองเคยทุจริตไว้ หนังเรื่องนี้ ยังจับเอา มุขที่เปาบุ้นจิ้นใช้บ่อยๆ พวก กระบี่อาญาสิทธิ์ มาเล่น สุดท้าย ก็มีฉากของเครื่องประหารหัวพยัคฆ์ แต่ที่ฮาสุดๆ คือ สุดท้าย ฮ่องเต้ ตายเพราะโรคฝีมะม่วง เวรกรรมแท้


อันนี้ท่าจะเห็นบ่อย ก็เป็นภาคที่ ชินตาแหละ คนแสดงชื่อ จวิน เชา ฉุน พี่แกแสดงดะเลย เลยแหละ จะบอกว่าอ้วนดำก็คงจะไม่ผิดนักหรอกนะ





เป็นเปาบุ้นจิ้น ตอนหนุ่ม ไม่เคยดูแหละ เห็นแต่โฆษณา หน้าไม่ค่อยดำเท่าไรหรอกนะ แต่ที่เหมือนเดิมก็คือ มีเสี้ยวพระจันทรืบนหน้าผากนั่นเอง






อันนี้เป็นเกมส์ 7 บุรุษไคฟงกับ 5 หนู หน้าตาก็ เหมือนซีรี่ส์ที่เราดูนั่นเอง






ดำหรือไม่ดำไม่สำคัญ ที่เปาบุ้นจิ้นได้รับการยกย่องนั้นมาจาก ความซื่อสัตย์สุจริต
"เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายดิน"

"ไม่ผิดต่อฮ่องเต้และปวงราษฎร"

พวกเสนาบดี ก็ควรจะเอาเยี่ยงอย่าง เปาบุ้นจิ้น ไว้บ้าง ตายแล้วคนจะได้ไม่ด่า ดินจะได้กลบหน้ามิด



Sunday, August 27, 2006

ย่ำแดนมังกร(10) :LoWu สู่ ผีชิว ผีชิวๆ

หายไปเกือบเดือน ก็มัวแต่ไปสาละวนกับงานตัวเอง
ก็เลยไม่ค่อยจะมีเวลาหรืออารมณ์มานั่งเขียนเท่าๆไร เสียดายอยู่นิด
ที่อัพรูปไม่ค่อยจะติด ยังไงก็ช่วยติดตามอ่าน แล้วก็ช่วยเป็น Commentator ด้วย

ความเดิมตอนที่แล้ว เราก็มาถึงเที่ยงวันของวันเสาร์ที่ 22 oct.
พี่ศิลป์ ไกด์หน้าเหมือนเพื่อนผม ก็มายืนรอพวกเราตามที่นัดหมายกันเอาไว้ คือ หน้าร้านขายยาทางเข้าห้าง ก็ธรรมดาล่ะครับ
ก็ต้องเอาของมาอวดโฉมกันซะหน่อยล่ะว่าไปซื้ออะไรมากัน ดูเหมือนว่า คอนอื่นๆจะ amaze กับของที่พวกผมซื้อมาเหลือเกินเพราะว่า ช่างมากมายอะไรเช่นนั้น แต่สิ่งสำคัญ คือห้ามถามราคาเพราะว่า ถ้าถามแล้วเกิดอีกคนซื้อถูกกว่าก็จะเจ็บใจไปเปล่าๆปลี้ๆ ฉะนั้น ก็ควรคิดว่าของที่ซื้อนั่น ถูกต้องตาม Willingness to pay แล้ว

สำหรับอาหารเที่ยงวันนี้ ก็กินดีไม่หยอก อย่างว่า เค้าบอกว่า (ไม่รุ้ว่า"เค้า" นี่เป็นใคร) คนไทยไปเที่ยวเมืองจีนทำอยู่ไม่กี่อย่าง คือ

"ชม ชิม ช็อป ฉี่"

ยังไงเรื่องกินก็เรื่องใหญ่ ไม่ใหญ่เฉพาะคนไทยนะ คนจีนนี่นับว่าใหญ่มากเลยทีเดียว

ภัตตาคารที่ไป ชื่ออะไรก็อ่านไม่ออก แต่อยู่ใกล้กับโรงแรม Shanglila ShenZhen โรงแรมนี่ สมเด็จพระเทพฯ เคยเสด็จมาแล้ว ระหว่างทางก็เจอของแปลก วางขาย พวกหนังเสือ และที่แปลกว่านั้นคือ ขอทาน

ขอทานที่นี่ ไม่ใช่มานั่งขอเดี่ยวๆ แต่มากันเป็นพรรคกระยาจก เรียกว่าทำ Cartel ในการขอ ถ้าคุณให้คนหนึ่งอีกคนก็จะได้ประโยชน์คือ คุณต้องให้หมดทุกคนว่างั้นเหอะ น่ากลัวรึป่าว แล้วก็มีทั้งมือไม้ดี พิการมือหงิกง่อย ต้องเอามือเดินเป็น หมา 4 ขาก็มี หะแรกก็ตื่นเต้นกายกรรมขอทานจากเซินเจิ้นไล้เหลี่ยว แต่พอกลับมาเมืองไทย สาด!!! สำเพ็งก็มี คงเป็นแฟรนไชส์ แต่ที่แปลกคือ ถือไม้ตีหมากันทุกคน กะว่า "ให้คนนั้นแล้ว มรึงลองไม่ให้กรูสิ สวย!!!" ฉะนั้นควรจะตัดปัญหา คือ ไม่ให้-เดินหนี-และอย่าพยายามไปมอง แม้แต่ชายตาก็ไม่ควรอย่างยิ่ง

กลับมาที่ข้าวกลางวัน ก็เป็นปกติ ที่อาหรจะเต็มโต๊ะ เหมือนเช่นเคย แล้วก็เช่นเคย ผมกับพี่ก็นั่งกับกลุ่มสาวๆจากเพชรบูรณ์ เหมือนเดิม และเหมือนเดิมคือ กลิ่นบุหรี่ ที่สูบกันได้แม้แต่ในห้องแอร์

เคยมีการออกกฎหมายในเมืองจีน ห้ามสูบบุหรี่ในภัตตาคารที่ติดแอร์ ผลปรากฎว่า คนจีนให้ความร่วมมืออย่างดี คือไม่สูบบุหรี่ และก็ไม่เข้าไปนั่งกินภัตตาคารที่ติดแอร์ด้วย เวง!! เดือดร้อนผู้ประกอบการ ก็เลยต้องแก้กฎหมายเหมือนเดิม ก็เลยเข้าสู่อีหรอบเดิม

"สวรรค์บนดินที่ซูโจว สวรรค์ในปากที่กวางโจว"

ก็แปลว่า รสชาติอาหารที่เลิศรสที่สุดต้องอยู่ที่กว่างโจว แต่ที่นี่เซินเจิ้น ก็ต้องบอกว่า พอแดกได้ล่ะครับ อาหารเป็นอาหารชุด คือ

1. ซุป เสริฟก่อนอาหาร รสชาติเหมือนกินน้ำล้างเท้า รสชาติแบบสนิทมาก

2-3-4 ก็จะเป็น กุ้งตัวเล็กๆ คาดว่าจะเอาไปต้ม แล้วก็ ChaoCai คือผัดผัก เหมือนกันทุกมื้อเลย อาหารขายดีก็เป็นไข่เจียวธรรมดาๆนี่เอง แล้วรสชาติก็จะจืดๆ ดังนั้น หัวหน้าทัวร์คุณเรืองสิทธิ์ ก็จัดการผสมพริกป่นกับน้ำปลาและมะนาวให้กับทุกโต๊ะ

จริงๆแล้วเมืองจีนนี่เค้าเข้มงวดเรื่อง การเอาผลไม้ที่มีเมล็ดเข้าเมืองมาก คือห้ามทุกชนิด ถ้าพบจับปรับนับ"เม็ด" เลยทีเดียว แต่เฮียเรืองสิทธิ์แต่คงเชี่ยว ครั้งที่มากวางเจา พ่อผมเคยบอกให้แม่เอาลำไยมาฝากญาติด้วย เกือบซวยแล้ว สงสัยใครเอามะละกอเข้ามาแบบไม่ได้ขออนุญาต มีหวังโดนปรับอาน

กินข้าวเสร็จแล้ว ตามกำหนดการ เราก็จะไป Windows of The World หรือ หน้าต่างโลก ต่อ แต่ว่า เฮียเรืองแกบอกให้เราไปชอป ต่อ (เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว) แต่ด้วยความที่ของเรายังไม่ครบ (ยังไม่ครบอีกเหรอ??) ก็เลยไปซื้ออีก คราวนี้ เฮียเรืองสิทธิ์แก ฝากเราซื้อของกลับไปให้เมียที่บ้านซัก 4 ใบด้วย เห็นเราต่อเก่งล่ะมั้ง เฮียตอบแทนด้วยการขนของที่ซื้อเมื่อเช้าไปรอที่โรงแรม อ้าว!!

---> ถึงตรงนี้คงจะไม่เล่า ว่าไปซื้ออะไรอีก นอกจากกระเป๋าก็นาฬิกาอะไรพวกนั้น เพราะว่ามันจะซ้ำซากไม่ไปไหนซักที เอาเป็นว่า สรุปว่า ซื้อกันมาอีกเพียบ นั่งคิดว่าตอนขนกลับจะขนยังไง

ที่เสียดายคือ ไม่ได้เดินไปสินค้า IT เลย เค้าว่า"ถูกมาก" แล้วก็"ถูกหลอก" มามากต่อมากแล้ว ก็แค่ผ่านๆ แต่ที่เห็นคือ สามีหน้าผกา ที่เป็นทหาร ไปซื้อ Thumb Drive ขอโซนี่มา ก็แน่ละ มันก็ปลอมแหงๆ แต่ที่ Shock คือ 1 GB ราคา 100 หยวน จนป่านนี้ไม่รู้ว่าถูก หรือจะถูกหลอก รึป่าวก็ไม่รู้

จากนั้นเราก็ขนของไปเก็บที่โรงแรม เพื่อเตรียมตัวไป หน้าต่างโลก แต่ว่าพอลงมารอ ไกด์บอกว่า จะพาไปดูศิลปวัฒธรรมจีน แหม!! อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ถ้าใครไม่เคยไปก็ระวังหน่อย ไม่ได้อันตรายนะ แต่บางทีมันเคลิ้มได้




คือ จะไปทัวร์อะไร ดีขนาดไหน ยังไง ไกด์ท้องถิ่นก็ต้องพาไป ซื้อของ ซื้อตัวปี่เซียะ หรือ ผีชิว ที่ว่านี่แหละ เพราะว่า เค้าต้องไปเซ็นชื่อ ไม่งั้นอาจจะไม่ได้ต่อใบอนุญาต ก็น่าเห็นใจอยู่

จริงๆที่โรงแรมก็มี ผีชิว ขายนะ วางกันสลอนเลย แล้วก็ฉลาดนะ คือซื้อตัวเดียวก็ไม่ได้ ต้องซื้อเป็นคู่ ว่ากันไป ระหว่างรอไกด์พาไปหลอกซื้อของ ก็ลองออกจกา โรงแรมไปซื้อขนมกินร้านของชำ ข้างโรงแรม ก็เรียงรายหลายร้านเลย รอฟันนักท่องเที่ยวอยู่มั้ง ก็เลยเลือกเอาร้านที่น่าไว้ใจตามหลักโหงวเฮ้ง เอาร้านที่คนแก่ผู้หญิงขายล่ะวะ (ไม่รุ้ว่าคิดผิดรึป่าว เพราะผู้หญิงจะขายของเขี้ยวกว่า)

ได้ใช้ภาษาจีนแล้วว่ะ คราวนี้

อยากรู้ว่าน้ำขวดแพงป่าว ไปถึงก็ซื้อน้ำขวดก่อนเลย ก็เปิดตู้แช่ ยกน้ำมาขวดนึง --> 多少钱?? ตั๊วเส่าเฉียน

อาอึ้ม แกก็ตอบเลย "ซานไคว่" งงไปพักนึง อะไรคว่ายๆ คือ kuai นี่เป็นภาษาพูด แต่ หยวนนี่เป็นภาษาเขียน ตอนนั้นยังไม่รู้
แพงขนาดไหนเชียว 3 หยวน 400 ml. ก็แพงอยู่นะ

แล้วก็ลองซื้อ ชาเขียว กินดิ๊ แล้วก็มีขนมเมืองจีน แต่หน้าตาฝรั่งพวก คัสตาร์ดเค้ก อะไรพวกนี้
แล้ว อาอึ้มแกก็ถามว่า
............ ฟังออกแต่ ไหโหย่ว สองตัวแรกนี่แหละ คือคงจะถามว่า ไอ้ซินตึ๊งหน้าตี๋แต่พูดจีนไม่ได้ ลื้อจะเอาอารายอีกมั๊ยวะ?? ก็ตอบว่า 没有 เหมยโหย่ว ไม่มีแล้ว

ก็คิดตังค์มาได้ 二十 เอ้อร์สือหวู่ไคว่ งงแตก นึกไม่ออกกี่หยวนวะ

อาอึ้มแกก็ขำใหญ่เลย ลูกชายด้วย

ก็ไม่โดนคนจีนหลอก เป็นใช้ได้

เอาว่า จะโดนคนขายผีชิว หลอกรึป่าว อันนี้ติดตามอ่านตอนหน้านะครับ

Wednesday, August 02, 2006

="= โกยเถอะโยม ="=

เมื่อวาน(1/08)เป็นอีกวันหนึ่ง ที่ได้ข่าวว่า มีกลุ่มองค์กรศาสนาออกมาประท้วงหนังของผู้กำกับตลก จตุรงค์ ว่า ดูหมิ่นศาสนา
ผมไม่เข้าใจว่ ผู้ที่ออกมาประท้วง เข้าใจ พุทธ ดีพอหรือไม่
ผมก็ไม่กล้าที่จะ ออกความคิดมาก เหตุที่
1.) รู้สึกว่าตัวเองเป็นพุทธ ตามบัตรประชาชน
2.) ยังไม่เคยบวช เคยแต่ไปงานบวช
เรียนพุทธศาสนาตอน ม.1-6 ก็ท่องบาลีได้ แต่แปลไม่ได้
ไม่อยากสะเออะ เอาหลักธรรมมาอ้าง

ผมไม่เชื่อว่า คนไทยดูหนังนี้แล้ว จะหมดศรัทธาในตัวพระสงฆ์ หรือเห็นผ้าเหลืองไหวๆก็จะขำ เพราะเห็นพระสงฆ์กลายเป็นจำอวด

พื้นฐานของคนไทยกับวัด หรือให้ชัด คือบ้านกับวัดมันแยกกันไม่ออก
จริงอยู่ พระสงฆ์องค์เจ้าเราควรจะให้การยอมรับนับถือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะยกย่องชูเชิดเท้าไม่ติดพื้น เป็นไปไม่ได้
เพราะ พระก็คน

หลวงพ่อคูณ เวลาญาติโยมมาหา ท่านก็ยังกล่าวหยอกล้อกับญาติโยม (อันนี้เห็นบ่อย เพราะไปบ่อย)
พระพยอม ยังโดนตลก เอามาล้อเลียนกันบ่อยไป
พระครูปลัดราชันย์ ท่านก็ยังเทศน์ ตลกๆ ชวนให้ญาติโยมฟังกัน มีร้องเพลงแปลง ฯลฯ


หนังเรื่องนี้ มีพระเป็นตัวเอก คือศูนย์ของ ชุมชน
พระสงฆ์ ที่ยังเป็น สมมติสงฆ์ มีกิเลส เป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้าน ในการที่จะสู้กับผี
พระ มีมนต์ไล่ผีเหรอ ไม่ใช่เณรแอ หรือ พระโลงผี
ผีมา ก็ต้อง โกยเถอะโยม

สงสัยไอ้ที่ส่งช้างไป ออสเตรเลีย นี่ก็คงบอกกันละมั้ง โกย(ไปตอนกลางคืน)เถอะ(ว่ะ)
หรือที่พี่แม้วแกทำ โกย(ไปพม่า)เถอะ(แม้ว) หมอผีเขมรมันไม่เฮี้ยนแล้ว --> แต่เชียงใหม่น้ำท่วมนะ

Tuesday, August 01, 2006

ย่ำแดนมังกร (9) : This is Lo Wu!!!

ความเดิมจากตอนที่แล้ว ที่พี่ผมประเดิมเช้าแรกบนแผ่นดินจีน ด้วยการซื้อเสื้อไป 1 ตัว
จากนั้น เราก็เตร็ดเตร่ ไปเรื่อย เพราะว่าร้านรวงต่างๆอีก็ยังไม่เปิดนั่นเอง



ระหว่างที่เดินสำรวจไปมา ก็ไม่แคล้วจะต้องเจอกันบรรดาอาหมวยที่คอยกวักมือเรียกให้ไปทำเล็บ ไม่รู้ว่าภาษาที่อาหมวยอีส่งมา มันภาษาจีนอะไร

สนนราคาการทำเล็บที่เมืองจีน อันนี้ไม่รู้ว่า ที่ Lo Wu นี่มันจะคิดเท่าไร แต่สิ่งหนึ่งที่ควรระวังก็คือ ...มันจะค่อยๆแพงขึ้น เคยรึป่าวล่ะ คือ อี จะค่อยๆ ตะล่อมให้ลื้อ ทำนู่นทำนี่เพิ่มเติม
จาก 100 หยวน จะกลายเป็น 200 หยาน --> 300 หยวน เอาได้ง่ายๆ ใครไปก็โปรดระวังแล้วกัน

Lo Wu Center นี่ ลองนึกภาพ บรรยากาศก็เหมือนกันมาบุญครองบ้านเรา มีของสารพัด
อุปกรณ์ ไอที เสื้อผ้าหน้าผม ยาอมยาหม่อง ที่นอนหมอนมุ้ง ฯลฯ
มีทั้งหมด 4 ชั้น ด้วยกัน

สองคนก็เดินไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยและ
เลยมาหยุดอยู่ร้านนึง คือ เราเห็นกระเป๋าแบบที่แม่สั่งมาให้ซื้อพอดี ก็เลยเข้าไป
คิดว่าเราคงเป็นเจ้าแรก ก็ตามระเบียบ
คนขายเป็นผู้หญิงหน้าตาหมวยๆ ตาโต เข้ากับสเปก ตากอล์ฟผัก เลยทีเดียว

เหมือนกันทุกครั้ง คือการทักทายว่า Hello!!! เพราะว่าไม่ค่อยจะมีคนจีนหลงเข้าไป แถม หล่อนยังพูดภาษาไทยได้ ฟังภาษาไทยออก พวก หนึ่งสองสามสี่ อะไรประมาณนี้

เธอก็เปิดการขายด้วยกระเป๋าถือ อันนั้นอันนี้ โดยการใช้ Chinese English
พี่ผมฟังไม่ค่อยออก แต่ผม ด้วยความที่ครูสอนภาษาจีนคนแรก เป็นคนจีนที่พูดภาษาไทยไม่ได้ ได้แต่อังกฤษ เลยพอจะจับสำเนียงเจ้าหล่อนได้บ้าง

ราคากระเป๋าถือตอนแรกที่เธอบอก อกอีแป้นจะแตก 500 หยวน 5*500=2500 บาท
แม้ว่ามันจะเป็นกระเป๋า Brandname แต่ว่า โปรดระลึกไว้เสมอว่า มันคือ ของปลอม หรือเรียกให้ดูดี ก็คือ ของเลียนแบบ นั่นเอง

คราวที่แล้ว ตอนแม่มา แมซื้อ Burberry สีชมพู ไป 1 ใบ ตกตอนนั้น ไม่ถึง 200 หยวน เหมือนทุกกระเบียด ที่ว่าเหมือนเพราะว่า แม่ไป Gaysorn แล้วไปร้านขาย burberry หน้าตาเหมือนกันมาก แต่ราคาราว 40,000 บาทไทย เห็นจะได้

ด้วยค่าที่ขี้เกียจเดิน....เราก็สั่งๆๆๆๆๆเอาใบนั้นลงมาดูดิ๊ แล้วก็ต่อราคาลงกว่า ครึ่ง 500 -->180 อะไรทำนองนี้ แรกๆเธอก็จะร้องโวยวายประดุจเอาหัวแม่ตีนไปแหย่รูจมูกเธอ หน้าบูดเป็นตูดหนุมาน บ่นว่า สินค้าเธอนี่ เกรด AAA นะยะ ให้เรากลัว แต่ขอโทษเหอะ ลูกไม้มันเก่าแล้วเจ๊.....ไม่ได้ผลซะหรอก

เราก็ยังยืนกรานที่ราคานั้นของเรา ท้ายที่สุดอารามอยากขายเธอก็เลย ลดๆให้ (หรือว่าจริงๆมันลดได้ต่ำกว่านี้วะ)

ในร้านนี่นอกจาก กระเป๋าถือ ยังมี นาฬิกาโรเล็กซ์ TAG, etc. เยอะมาก ไฟแช็ค ไม้กอล์ฟ กระเป๋าเดินทาง ก็อย่างที่บอกแหละ ควรต่อลงมากๆๆๆๆๆๆๆ

สรุปเนี่ย แม่ได้กระเป๋าถือไป 6 ใบจากร้านนี้ เราก็เลยตัดสินใจซื้อกระเป๋าเดินทางเพิ่มอีก 1 ใบ เพราะว่า ไม่มีที่จะใส่กระเป๋ากลับไปให้แม่แล้ว ผมได้นาฬิกามา 1 เรือน ก็ไอ้ที่ใส่อยู่นี่แหละ

การซื้อของที่นี่ไม่ใช่ว่าสั่งปุ๊บได้ปั๊บ ก็ต้องรอนั่งที่ร้าน ไอ้ระหว่าง คนขายอีก็จาเอา พวกของมาขายอีก อย่าง หลุยส์ติ๊งต๊อง (เค้าเรียกกันอย่างนี้จริงๆนะ) ชาเนล เรียกว่าเปิด catalouge ขายกันเลย ชอบอันไหนจิ้มเอาเอง หรือ อย่างผมนี่ตัดจาก Magazine ไป อีก็มีขายให้นะ มีตั้งแต่เกรด A --> AA --> AAA ไม่รุ้เดี๋ยวนี้มันจะมี A กี่ตัว ราคาก็คงตาม A แหละ

นั่งรอก็คุยกันไปมา ทายอายุ ของคนขายเข้าให้ เค้าทายว่า ผมเป็นพี่ชาย --> แทบจะสะบัดตูดออกจากร้านเลย
พี่ผมทายอายุเค้าว่าประมาณ 23 เค้าบอกว่า 17 เองย่ะ ---> แป่ว!!!!

รอจนเราได้ของครบ สำหรับร้านนี้ เราก็รีบเปิดแจ้น ไปอีกร้านนึง ซึ่งร้านนนี้แม่สั่งมาว่าต้องไปให้ได้
เพราะว่า มันเป็นร้านเดียวที่มีกระเป๋าที่แม่จะเอา
ความเดิม คือ ตอนไปกวางเจาเนี่ย เรามานอน shenZhen คืนนึง แล้วขากลับ แม่ก็ซื้อกระเป๋าสีน้ำตาล ปรากฎว่า ติดใจ เลยสั่งเอาอีก 4 ใบ!!!!!

เผลอแผลบเดียว.....12.00 แล้วล่ะคุณ

ได้เวลานัด ไปกินข้าวอีกแล้ว ---> ติดตามตอนต่อไปนะครับ

P.S มีข้อฝากเตือนคนไทยที่เวลาไปซื้อนะครับ ถ้าเค้าบอกให้ไป warehouse ไปเลือกของอันมากมาย นี่กรุณาอย่าทะลึ่งตามไปเด็ดขาด จะรอนานขนาดไหน ก็กรุณารอที่ร้านนะครับ เพราะว่า ท่านอาจจะโดนรูดทรัพย์ได้
อีกข้อนึง เวลาไปซื้อของที่นี่ก็กรุณาระวังตัวด้วย ถ้าไปเดินแล้วพบเห็น มนุษย์ใส่เครื่องแบบ เป็นอันว่าวันนั้นจะมีการกวาดล้างของปลอม เราคนซื้ออาจะโดนหางเลขได้