Monday, November 27, 2006

บานแล้วจ้า!!!!

ในที่สุด เจ้า cactus ต้นนี้ก็ผลิดอกออกมาจนได้ ไม่เคยเห็นหรอกว่า เวลาดอกมันบานแล้วจะเป็นยังไง นี่ก็ยังไม่รุ้ว่า มันบานสุดๆได้แค่นี้รึป่าว แต่ช่วงนี้อากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝน สงสัยมันคงจะ shock ไปนิดๆ เพราะว่า เมื่อวานแอบไปดู ปรากฎว่าหุบดอกไปแล้ว

ดอกของพันธุ์นี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพันธุ์อะไร คนขายก็ไม่รู้ เหมือนกัน (ไม่ต้องตั้งชื่อหรอก) คนขายบอกว่ามันเป็นสีเหลือง แต่ว่ามันอาจจะกลายพันธุ์ เพราะว่า เพาะเมล็ด แต่ดูๆ ก็แอบมีสีเหลืองชมพู บานเย็น แซมๆ มา

ส่วนต้นอื่นๆ ยัง สุขสบายดีอยู่ ช่วงนี้แดดตอนเช้าแรงมาก แต่ก็ไม่มีปัญญาหาซาแรนมาคลุมหรอกนะ เอาแค่หาผ้ามาบังให้พอไม่สำลักแดดก็พอจะถูไถไปได้


ทั้งหมดทั้งปวงนี้ โดนแดดแต่ตอนเช้า ตอนบ่ายไม่โดน เพราะว่าห้องผมหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก็เลยจะโดนแดดไม่ถึงวันละ 6-8 ชม. ตามตำราเค้าว่าไว้ เลยดูแล้วมันจะหงอยๆ เป็นหอยหลับซะหน่อย
แต่ก็หวังว่าจะรอดตายกันหมด

ส่วน ลูกบุญธรรมนั่น อาการยังร่อแร่ ยังไม่ฟื้นเลย
ไว้จะถ่ายรูปมาให้ดู

Wednesday, November 22, 2006

ลูกบุญธรรม

เมื่อวาน ผมได้ลูกบุญธรรม มาอยู่ กับ ลูกๆ ทั้ง7
ที่ว่าลูกบุญธรรมเพราะว่า อ.น้ำทิพ นี่ เองมาฝากเลี้ยง
จริงๆ ผมก็สงสาร เนื่องจากอยู่ในห้องป.โท มา 4 เดือน มันไม่เคยออกไปรับแดดเลย รดน้ำก็ไม่
ลำตัวก็เลยออกจะ ซีดๆ ไม่เขียว คิดว่าอาจจะต้องปฐมพยาบาลกันนานหน่อยกว่าจะฟื้น

ลูกคนนี้ สงสัยเป็นแฝดสยามสามคน เอามาถึงก็ รดน้ำเป็นอันดับแรก เดี๋ยวจะตายหมู่ไม่รู้ตัว



ส่วนด้านซ้ายมือนี่เป็น ลูก ที่กำลังจะออกดอกล่ะครับ สังเกตดีๆ จะเห็นดอกค่อยๆโผล่ออกมา คาดว่า ไม่น่าเกิน วันอังคารน่าจะบานเต็มที (ถ้าไม่ตายซะก่อน)
ตื่นเต้นๆ

Tuesday, November 21, 2006

หวยบนดิน

ต๊กกะใจ จู่ๆรัฐบาลของท่านสุรยุทธ์ ภายใต้การดูแลของหม่อมอุ๋ยก็งด หวยบนดิน ไปซะสองงวด
โดยบอกว่ามันผิด กฏหมาย (แต่ก็ขายกันมากว่า 80 งวดแล้วนะ-ฮา)

ผลจากการงดหวย เล่นเอาบรรดาเซียนหวย มึน คือไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน เพราะว่าพอได้ เลขเด็ดมา 2 ตัว แล้วเอาไปซื้อ lottery ก็เจอ 80-90-95 เลขดังหน่อยก็ 100 จากเดิมที่หวยบนดิน 20 บาท
แถมผลตอบแทนก็น้อยกว่า
lottery ลงทุน 80 ถ้าถูก ได้ 2000 หักภาษี ก็เหลือ 1800 กว่าๆ กับ
หวยบนดิน ลงทุน 20 ถูกได้ 1300
นอกจากผู้ซื้อแล้ว ผู้ขายก็เจอหางเลขด้วยล่ะ ฮี่ๆ
เอเยนต์ได้กำไร 12 % จากกองสลาก เอามาให้ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว เขียน ก็แบ่งเปอร์เซ็นต์กัน
เป็นการกระจายกำไรบนอบายมุข
งวดนึง เห็นหายไปจากกระเป๋า หลายพันบาทนะครับ
ธุรกิจขายหวยบนดินน่ะ ขอบอกว่ารายได้ดีกว่า ไปทำงานบริษัทอีกนะจะบอกให้ (ภายใต้เงื่อนไขว่าขายหมด)
ทำงานหนักจริงๆ 3-4 วันก่อนออก แล้ว ก็รับทรัพย์เดือนละ สอง ครั้ง แหนะ

แล้วยังงี้ ผู้ขายไม่โวยวายก็แปลกแล้ว นี่ถ้าไม่ติด กฏอัยการศึก มีหวังกลายเป็นคลื่นบนดิน แน่ๆ

แถม ท่านจรัญ มีไอเดีย จะให้ออกเหลือ เดือนละงวดอีก

โดนด่า ขรม แน่ เพราะว่า มีธุรกิจอื่นที่จะกระทบด้วย นอกจากผู้ขายสลาก

ธุรกิจ complemetary ของ หวย ก็คือเรียงเบอร์

พอหวยออก ปั๊บ เจ้า เรียงเบอร์ นิตยสารที่ขายดีที่สุด สนนราคา 3 บาท เท่านั้น
ขอโทษนะครับ มี ไม่ตำกว่า 10 ยี่ห้อ อาจจะสงสัยว่า บ้ารึป่าว ก็เอาไปตรวจหวย เหมือนกัน ทำไมต้องมีหลายยี่ห้อด้วย คือคนซื้อเค้าเอาไปตรวจหวยแล้ว ด้านหลังเรียงเบอร์มีให้หวยงวดต่อไปอีก เพราะฉะนั้น บางคนเลยซื้อเรียงเบอร์ไปซะ 5-6 ยี่ห้อ
งวดๆนึง เอาเฉพาะ ที่บ้านตามสถิติขายงวดนึง 600-700 ใบ ทั้งอำเภอ ก็คงประมาณ 2000-2500 ใบ
ประเทศไทยมีกี่อำเภอ ก็คูณกันเอาเอง เดือนนึงมีสองงวด สะพัด

นอกจากเรียงเบอร์แล้ว ธุรกิจหนังสือใบ้หวย ซองใบ้หวย ก็ต้องโดนหางเลขด้วย
สำหรับหนังสือใบ้หวย มีหลายประเภทตั้งแต่ ใบ้งวดเดียว ใบ้ครึ่งปี ใบ้ทั้งปี
ราคา 10-20-30-50-100 งวดที่แล้วบังเอิญใบ้ถูก งวดต่อมาก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ไม่พอขาย คนขายก็ xerox ขายกัน
ส่วนซอง ก็ 50-100 ครับ

ขัดผลประโยชน์อย่างนี้ จะรอดป่าวเนี่ย

Monday, November 20, 2006

เจ้าสาวที่กลัวฝน

ไม่น่าเชื่อว่า ตอนนี้หน้าหนาวแล้ว (รึป่าว- แต่อากาศที่บ้านเรา - โคราช - หนาวแล้วนะ)
แต่เมื่อคืน 19/11 ฝนดันตกซะนี่
ก็จะไม่กระไรหรอกนะ ถ้าหากว่า ของเล่นชิ้นใหม่ของผมมันชอบน้ำ

ด้วยความที่เริ่มสนใจ เจ้า cactus จาก รายการน้าต๋อยไตรภพ ไปสะดุดกับเจ้า Golden Barrel เข้าน่ะสิ เลยไปห้องสมุดยืมหนังสือ ไปยืมหนังสือ
มือใหม่หัดปลูก แคคตัสมาอ่าน โห แคคตัส พันธุ์ช่างมากมายอสงไขยเสียนี่
หน้าตาประหลาดๆ ทั้งนั้น ต้องสอยมาเป้นเจ้าของซะหน่อย ทีแรกเล็งไว้ สองที่ที่จะไปซื้อ คือ

จตุจักร กับสนามหลวงสอง แต่ว่าทั้งสองที่โคตรไกลเลย

มีคนบอกว่า ไปตรงเทเวศร์ ดิ มีร้านขายต้นไม้ด้วย

เลยตัดสินใจเมื่อวานนี้ ขึ้นรถเมล์ไป เทเวศร์


ไปถึงเจอร้านแรก แต่ต้นไม้มีนิดเดียวเอง ลองเดินไปอีกหน่อยเจอเป็นแผงเลย

แล้วก็ควักหนังสือออกมา คนขายบอกว่า โห เอาหนังสือมาด้วยเหรอ แต่เค้าไม่รู้หรอกนะ เพราะว่าพันธุ์มันเป็นภาษาอังกฤษ
ผมก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ชอบที่มันเป็นหัวๆ เลย สอยมาเจ็ดต้นรวด





ต้นแรกที่สอยมา ชื่ออะไรไม่รู้ ยังหาชื่อ วิทยาศาสตร์ ไม่ได้ แต่มันเหมือนลูกยอ อะ เป็นทรงสูงนะอันนี้ ราคา 30 บาท







ต้นนี้ เป็นต้นที่คนขายเลือกให้ เพราะว่า มันกำลังจะออกดอก!!! ว้าว ดอกสีชมพู มั้ง



ต้นนี้เค้าก็เลือกให้ แต่ว่ามันเป็นเพลี้ย มั้งนะ เป็นหนามสีเงิน(สีขาว)




ส่วนคู่นี้หนามทองล่ะ









เจ้าสองต้นข้างบนนี่ แพงที่สุด @70 บาท

ทั้งหมดทั้งปวง ไม่รุ้จะอยู่รอดปีใหม่รึป่าว เฮ่อ


Sunday, November 12, 2006

ย่ำแดนมังกร(14): คืนสู่ฮ่องกง (1)


เกินหนึ่งปีมาแล้วล่ะครับ สำหรับการไปเที่ยวครั้งนี้ ผมกลับมานั่งดูรูปเก่า ยังพอจำได้ทุกรายละเอียด ก็จะพยายามเจียดเวลามาเล่าสู่กันฟัง กลัวเหลือเกินว่า มัวเขียนบล๊อคจนละเลยทีสิส ไป



ดูพลุเสร็จแล้วจาก หน้าต่างโลก ขากลับการจราจรวุ่นวายพอสมควร อย่างว่าแหละ ตอนมาต่างคนต่างมา แต่ขากลับดันกลับออกไปพร้อมๆกันเสียนี่ รถออกมาได้หน่อย ผมก็เหลือบไปเห็นไฟของ หมู่บ้านวัฒนธรรม ซึ่งก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่ ที่น่าไปเหยียบ (ไว้มีเวลาจะมาเล่าให้ฟัง)

ระหว่าง ไกด์ท้องถิ่น แกก็เล่าเรื่องอะไรๆ ฆ่าเวลาไป ดึกแล้ว 3 ทุ่มกว่า รถที่เซินเจิ้น ก็ยังติด แต่ที่เพลินตากว่าบ้านเราคือ ตึกสูงๆ แทบจะทุกตึกนี่ล้วน เปิดไฟแข่งกัน ทางรัฐบาลจีนมีนโยบายให้ตึกในเซินเจิ้น หรือเมืองท่องเที่ยว อย่างเซี่ยงไฮ้ เปิดไฟสู้กัน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เข้าใจว่าจะใช้มาตรการทางภาษี (อันนี้ไกด์บอกมา)

รถมันติดหนักเข้า เฮียเรืองสิทธิ์ เลย ถามคำถามให้พวกเราช่วยกันเดา ว่า ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า มีสามสิ่ง ที่คุณจะไม่ได้เห็นในจีน
ก็ทายกันสนุกเลย

ท่านผู้อ่านลองทายสิว่ามันคืออะไร อิอิ

การที่ไม่มีเจ้าสามสิ่งนี้ บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ต่อการพัฒนาของจีนในโลกอนาคต แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นดัชนีชี้วัดได้ดีหรือเปล่า แต่ผู้บริหารจีนเค้าเชื่ออย่างงั้นนะ อันนี้ก็บอกไม่ได้

ดูตึกก็แล้ว ทายปัญหาก็แล้ว ก็ยังไม่ถึงที่พักซักที ไกด์ท้องถิ่นของเรา ก็งัดไม้เด็ด ร้องเพลงให้ฟังมันซะเลย เพลงจีนที่คนไทยคุ้นหูมากที่สุดเพลงหนึ่ง เป็นเพลงประกอบละคร เรื่อง The Bund หรือ ในภาษาไทยว่า เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ ไกด์ก็กรุณาร้องซะจนจบเพลง ยังไม่พอ คนจีนท่านนี้เลยแถมเพลงไทยด้วย ผมค่อนข้างประหลาดใจเพราะว่า ไม่น่าเชื่อว่า คนจีนที่เรียนภาษาไทยมาห้าปีท่านนี้ ร้องเพลงลูกทุ่งได้ด้วย เพลงกลิ่นโคนสาบควาย

ขำในความน่ารัก แล้วก็ความสามารถ ออกอักขระชัดเจนทุกตัวอักษร ผมว่าคนไทยอายก็แล้วกัน

จบเพลง ก็ถึงที่พัก พอดี พรุ่งนี้เช้าคงต้องออกแต่เช้า เพราะว่าวันอาทิตย์ คนที่สถานีรถไฟจะเยอะ สูตร 7-8-9 ก็คงใช้ไม่ได้แล้ว
ต้องใช้สูตร 6-7-8 หมายความว่า เราต้องตื่น หกโมง กินข้าว 7 โมงเช้า และออกไปสถานี 8 โมง

คืนนั้น จำได้ว่าหลับ กระจายเพราะว่าเหนื่อยมากๆๆๆ เหนื่อยกับการจัดกระเป๋า เพราะว่า จะเอากระเป๋าที่ซื้อมากลับยังไง ต้องตัดสินใจรวมกระเป๋า เอาเสื้อผ้าไปไว้ในกระเป๋าเดียว แล้วอีกสองใบก็จัดการเก็บกระเป๋าทั้งหมดของแม่!!!! แถมต้องออกลูกอีกใบ เพื่อเก็บผ้าห่มขนสัตว์ ที่อุตส่าห์ไปซื้อมาตอนบ่าย สิริรวม กระเป๋า 4 ใบ......-"-

ตอนเช้า บรรยากาศมัวๆนัวๆ ยังไงพิกล อาหารเช้ารสชาติ แค่ประทังชีพเท่านั้น
แปดโมงเราทั้งหมดก็ เตรียมตัวอยู่ที่ ล๊อบบี้ เพื่อเช๊คเอ้าท์ แล้วก็ออกจากโรงแรม
กระเป๋า ก็ให้ Bellboy หิ้วลงมา ระหว่างที่รอ check-out มีสมาชิกในทัวร์เราจะเอาของในกระเป๋า เจ้า bellboy อีไม่ยอมเว้ย อีนึกว่า จะเอากระเป๋าไปโดยไม่ให้ทิปอี เฮียเรืองสิทธิ์ก็เลยต้องส่งภาษาบอกไป แล้วก็หันมาอธิบายให้ลูกทัวร์ฟังว่า คนจีนเมื่อก่อนไม่รู้จักงานบริการ ไม่รับทิป เพราะว่าเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ทุกคนต้องทำเอง แต่พอเปิดประเทศแล้ว คราวนี้ทุกอย่างเป้นเงินเป็นทองหมด เลย แงว!!! กลัวจะไม่ได้ทิป สุดท้ายก็เลยทิปรวม เข้าใจว่า 50 หยวน ก็สมเหตุสมผลอยู่

พอเชคเอาท์แล้ว งานหนักของทุกคน คือลากกระเป๋า ไปสถานีรถไป Lo Wu ระยะทางราวๆ 500 เมตร แต่ต้องข้ามสะพานอีกแล้ว ระหว่างทางก็จะมีพวกรู้งาน จะมาช่วย สนนราคา 10 หยวน ก็ได้แต่บอกว่า Bu Yao -ปู๋เย่า- เราไม่ต้องการ เค้าก็ฟังภาษาจีนรุ้เรื่อง ก็มันคนจีนนี่หว่า ก็ไม่มาจุ้นกับเรา
ตอนขามาแค่ 2 ใบก็หอบแล้ว แต่นี่ขากลับดันซื้อมาก สม!!! เจอไป 4 ใบ ทั้งแบก ทั้งลาก โคตรจะทรมาน นึกถึงคำของไกด์เมื่อคราวมากวางเจาว่า มาสบายต้องนั่งรถ มาลำบากต้องรถไฟ ซึ้งเล้ย!!!

แต่สุดท้ายก็ถ่อสังขารมาจนถึง ตม. ของ Lo Wu เราหยุดรอ ไกด์ซาซ่า ซึ่งมาจากฝั่งฮ่องกง จะมารับเรา ซักพักนึง ระหว่างรอ สามีน้าผกา ก็หยิบกล้องมาถ่าบรูป ปรากฎว่า ตำรวจเดินมาหน้าตาขึงขังจะมายึดกล้อง เพราะว่าห้ามถ่ายรูป (มันบอกตอนไหนว่าห้ามถ่ายวะ) เฮียเรืองสิทธิ์ เลยเข้าไปเจรจา ตอนแรก เราก็เห็นพูดดีๆ ซักพักทำไมชี้หน้าด้วยฟะ แล้วตำรวจก็บอกว่าให้ลบรูป ซะ จบ!! อาเฮียเลยบอกว่า ก็เป็นยังงี้แหละ ป้ายเป็นภาษาจีน ใครจะไปอ่านออก แกก็เลยบอกตำรวจไปว่า ถ้าเป็นพ่อแม่คุณไปเมืองไทยแล้วอ่านภาษาไทยไม่ออก คุณจะทำยังไง ?? เจอมุขนี้เลยต้องปล่อย

รอคุณซาซ่าไม่นาน เราก็ออกเดินทาง ก็คือต้องไปตรวจหนังสือเดินทางทำเรื่องออก แล้วก็ร่ำลาไกด์ศิลป์ ไป ไม่รุ้ว่าแกดีใจรึป่าว อิอิ
ตรวจตอนออกไม่สู้ยุ่งยากเท่าไร แต่ว่าแถวยาวมาก เพราะว่าเป็นเช้าวันอาทิตย์ นักท่องเที่ยวกลับ คนจีนไปเที่ยวฮ่องกง ก็มี กว่าจะหลุดตรวจคนออกเมืองมาได้ ก็เกือบ 10 โมงแล้ว ก็มาเจอด่านตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง ก็ไวขึ้นมานิดนึง กว่าจะซื้อตั๋วรถไฟ แล้วก็ไปยืนรอที่ชานชาลา ก็ปาไปเกือบ 11 โมงแล้ว

ชานชาลาก็เหมือนรถไฟฟ้าบ้านเรา นั่นแหละ คราวนี้ไกด์ซาซ่า ก็บอกให้เราเลือกเอาโบกี้หน้าๆ(อีกแล้ว) หลังจากคราวที่ขามาไม่ได้นั่งคราวนี้ ขอนั่งซะหน่อยนะ



จะเข้าสู่ฮ่องกงแล้ว มีอะไรสนุกๆระหว่างทางด้วย ติดตามอ่านนะครับ