Thursday, October 30, 2008

ตามตะวันที่แม่ตะมาน (2)

เท้าความจากตอนที่แล้ว ทั้งคณะยังอยู่ที่ วัดร่องขุ่น ครับ

ที่วัดร่องขุ่น บรรดาตากล้องต่างบ่นอุบ เพราะว่า ตัวโบสถ์เป็นสีขาว ทำให้ถ่ายยากมาก

ข้างในโบสถ์ ก็ยังสร้างไม่เสร็จดี ภาพเขียนในโบสถ์ก็ยังอยู่ระหว่างการรังสรรค์ของช่าง
ทั้งคณะเราเสียเวลาให้กับภาพเขียนในโบสถ์พอสมควร เนื่องจากเป็นภาพเขียนที่ไม่เหมือนใคร
มีตัวละคร อุลตร้าแมน และอีกหลายๆตัวฯลฯ สงสัยถ้ามีทักษิณ คงโดน พันธมิตร ยกไปปิดวัดแน่ๆ
(อยากรู้ว่า พระพุทธรูปชินวัตรมุนี นี่อยู่ จังหวัดอะไรหว่า)

สิ่งหนึ่งที่ไปวัดร่องขุ่นแล้วไม่ควรพลาด นอกจากจะเป็น ไอติม แล้ว
ยังมี มุม Lost&Found ซึ่งกลายเป็นสิ่งมหัศจจรย์ของโลกไปแล้ว
เพราะว่า ของหาย ที่ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่วัดร่องขุ่น แกล้งทำหาย มีหลายอย่างมาก
ได้แก่....กระเป๋าสตางค์ อันนี้ธรรมดา
แว่นตา กล้องถ่ายรูป หมวก อันนี้ก็ธรรมดา
ที่ งง คือ กุญแจรถ....แล้วจะกลับบ้านยังไง
แล้วก็มีลืมคือ หนังสือที่พึ่งซื้อไปจากวัดนั่นแหละ อะร้ายยยยยจะขี้ลืมปานนั้น
คิดว่าถ้ารวบรวมอีกซักสองปี ทำพิพิธภัณฑ์ได้เลยแหละ

ทั้งคณะเสียเวลากับวัดร่องขุ่นไป ชั่วโมงเศษ
เราก็ลา วัดร่องขุ่น ไปตามเส้นทางที่ลัดเลาะผ่านหมู่บ้าน แต่เราไม่ได้เห็นวิถีชาวบ้านมากนัก เนื่องจากดูหนัง บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมภาคสองอยู่
ยิงกันตูมตาม แต่ผมก็หลับ ตื่นมา ก็ยังยิงกันตูมตาม ไม่เลิกเสียที

จุดหมายต่อไป คือ สามเหลี่ยมทองคำ ครับ
สามเหลี่ยมทองคำ เป็นจุดชมวิว ที่เราจะสามารถมองเห็น
จังหวัดท่าขี้เหล็ก ของพม่า
แขวงบ่อแก้วของลาว ได้โดยทอดสายตาข้ามแม่น้ำโขงไป

ส่วนพื่นที่ฝั่งไทย คือบ้าน สบรวก (อ่านว่า สบ-รวก เมื่อก่อนตอนเรียน อ่านว่า สะ-บรวก)
ก็คือตำบลแห่งหนที่แม่น้ำรวก ไหลไปสบกับแม่น้ำโขง บริเวณนี้เคยมีการค้าฝิ่นกัน
ปัจจุบัน เป็นที่ขนถ่ายสินค้า แล้วก็เป็น บ่อน ล่ะพี่น้อง...โฮะๆๆ ช่างน่าไปเล่นเสียจริง


ทั้งคณะเราก็แค่แวะถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ
แล้ว ก็ขึ้นรถกลับมา ดูบอดี้การ์ดน่าเหลี่ยมต่อ (เวง)
จุดหมายข้างหน้าสำหรับค่ำคืนนี้คือ เชียงของ
ระหว่างทาง จากสามเหลี่ยมทองคำ มา เชียงของ เราค่อยๆลัดเลาะตามภูมิประเทศที่เป็นเขา เลียบมาตามแม่น้ำโขง ผมตื่นตากับวิวทิวทัศน์ข้างทางเพราะว่าสวยจริงๆ

เชียงของเป็นอำเภอที่จัดว่า เล็กๆและเงียบสงบ มีเสน์ห์ในความเงียบ
แต่ดูว่าที่ผมไปมันจะเงียบพิกล

คณะเรา เดินทางไปถึงก็ ห้าโมงเย็นแล้ว
เข้าพักที่ โรงแรมน้ำโขงริเวอร์ไซด์ ที่อ้างว่า ดีที่สุดในเชียงของ

ห้องที่เราพัก หันหน้าเข้าหาแม่น้ำโขง
ผมอารามดีใจ รีบผลักประตูออกไปนอกระเบียง ชมความงามของตะวันชิงพลบ
เสียงผมคงดังไปหน่อยเลยทำให้ฝรั่งที่กำลังดื่มด่ำกับความเงียบสงบแห่งสายน้ำโขงหันมาแจกค้อนผม
ต้อง sorry กันเลยทีเดียว

ภาพเบื้องหน้า คือ แม่น้ำโขง ที่ไหลเอื่อยๆ ผ่านสองฝั่งไทยลาว เรือน้อยๆค่อยพายทวนกระแสน้ำ เสียงนกร้องกลับรัง
ตะวันดวงเดิม ก็ค่อยๆลับฟ้าลากลางวันไปอย่างเชื่องช้า

เป็นภาพที่ชวนจินตนาการ และทอดอารมณ์ไปกับความงามและความสงบยิ่งนัก

ไม่ช้านาน ผมก็ชวนกลุ่มวัยรุ่นที่มา ไปสำรวจพื้นที่เชียงของกัน

(ติดตามตอนต่อไป ว่าเชียงของมีอะไร)


Monday, October 27, 2008

ตามตะวันที่แม่ตะมาน (1)


ฟ้าใกล้สางแล้ว พระอาทิตย์ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้า สาดแสงสีทองเรื่อๆ
นกกางเขนบินมาเกาะที่ระเบียง ร้องปลุกผมให้ลุกจากเตียง

ผมเองก็ยังอยากจะดื่มด่ำกับนิทรา แต่ว่าเพราะต้องไปสนามบินให้ทันเช็คอิน
เลยต้องกระวีกระวาดลุกออกจากเตียงลายผ้าปูสนู้ปปี้
แล้วก็เผ่นไปอาบน้ำ คว้ากระเป๋า แล้วก็เรียกเเท็กซี่ ไปสนามบินโดยพลัน


รถแท็กซี่ วิ่งเร็วราวกับเหาะ แค่ไม่กี่อึดใจผมก็ถึงสนามบินที่มีฝรั่งพลุกพล่าน
โดยเฉพาะแถวรอเชคอิน ซึ่งบัดนี้เปิดรอรับผู้โดยสาร
ภาพเบื้องหน้าคือ ผู้ร่วมทางอีกสองคน คือ อ.นิรมล ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ และ พี่ตุ้ย-เพื่อนของอ.นิรมล-- ผู้ร่วมทางกันมาหลายทริปแล้ว ทั้งวังน้ำเขียว ห้วยขาแข้ง และเจ็ดคต

ส่วนอีก 4 คน คือ พี่ป้อม น้องสาว อ.นิรมล สามี และลูก น้องน้ำหวาน กับ น้องใบบัว
นักเรียน ป. 5 แต่ว่าตัวสูงจะเท่าผมซะแล้ว

เครื่องบินการบินไทย พร้อมแล้วพาผมแล้วอีกหลายร้อยคน เหินฟ้าสู่ นครพิงค์เวียงเชียงใหม่

ผมนั่งกับ น้องน้ำหวานกับใบบัว ซึ่งสดใสมาก
คำถามแรกที่น้องถามคือ พี่ดู AF รึป่าว แล้วพี่เชียร์ใคร ....ผมนึกในใจว่า โห กระแสมันยังแรงอยู่นะเนี่ย
อีกคำถามที่ฟังแล้วชวนคิดคือ เพื่อนพี่อะ มีใครเป็น ทอม ป่าว....งง ไปเลย


ดวงตะวันเริ่มสาดแสงแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าไม่อาจลอดกลุ่มเมฆฝนที่ปกคลุมเหนือท้องฟ้า นครพิงค์เชียงใหม่ไปได้

9.20

ผมเดินลงมาจากเครื่องบิน แล้วก็เจอกับ สมาชิก อีกสี่คน ซึ่งนั่งรถนครชัยทัวร์มารอ คือ
ดร.ปุ๋ย --อาจารย์พิเศษ ม.สงขลานครินทร์--
พี่โบ --ว่าที่อาจารย์พิเศษ ม.สงขลานครินทร์--
กอล์ฟ --ว่าที่อาจารย์พิเศษ ม.สงขลานครินทร์--
และน้องส้มโอ --นศ. MIF--

ทั้งสี่คนดูสดใส แม้ว่า เมื่อคืนจะนั่งรถมา แต่เพราะด้วย โจ๊กจากกาดต้นพยอม แถวคณะทันตะ เลยทำให้ดูร่าเริง แม้แต่กอล์ฟ ที่ได้โจ๊กคัพ (เพราะว่ากินมังสวิรัติ) ก็ดูจะสดใสเช่นกัน

อีกคนที่ดูร่าเริงคือ พี่ทรงศักดิ์ สารถี ที่หน้าไปละม้ายคล้ายนักข่าวช่อง 3 ชิบ จิตนิยม (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา)


ทั้งคณะ 12 ชีวิต เดินทางมุ่งไปยัง จ.เชียงราย
ระหว่างทาง ไม่มีเจ้าดวงตะวัน โผล่ให้เห็นเลย ช่างเป้นวันที่ เมฆทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียว

คณะเรา แวะ กินข้าว ซึ่งไม่รู้จะเรียกว่ามื้ออะไร แถวข้างทาง
เเต่เป็นร้านที่อุดมด้วยความชุุ่่มชื้นของสายน้ำ

ข้าวมื้อแรกบนดินแดนล้านนาหอมกรุ่น อร่อยยิ่งยัก
แม้ว่ากับข้าวจะเป็น ไข่เจียว ก็ตาม


จากร้านอาหาร เราก็มุ่งตรงไป อ.เมือง เพื่อจะไปเเวะชมวัดที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามมาก
วัดร่องขุ่น นั่นเอง

วัดนี้ เนรมิตใหม่โดย เฉลิม...ไม่ใช่ สธ.1 แต่เป็น เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ผมยืน งง กับภาพเบ้องหน้าชั่วครู่ เพราะว่าสร่างจากนิทรามาใหม่ๆ
เลยเดินตรงไปยัง ร้านไอติมมะพร้าว หอมอร่อย ยิ่งนัก

ไว้มาเล่าต่อไปนะ

Friday, October 10, 2008

แบบเรียนสมัยนู้นนนนน

สมัยเรียนประถมมัธยม เราๆท่านๆ คงเึคยอ่านและท่องจำคำกลอนกันอย่างนกแก้วนกขุนทอง โดยที่น้อยนักจะลึกซึ้งถึงความหมาย

ผมเอง ก็จำได้อย่างจางๆว่า สมัยมัธยมนั้น ก็ได้ท่องๆ อะไรแบบนี้มาเยอะ
แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะว่า พอเลิกเรียนแล้ว ก็ไม่ได้ตรงกลับบ้านไปทันที
ต้องไปห้องภาษาไทย เพื่อฝึกอ่านทำนองเสนาะ

หนังสือที่เอามาฝึกอ่าน ก็เป็นแบบเรียน หรือ หนังสือเรียนที่รวมเอาวรรกรรมไว้รวมๆกัน

พอดี ก็ไปสะดุด กับบางบทบางตอน

กาพย์พระไชยสุริยา ที่เป็นแบบเรียนให้เด็กๆสมัยก่อนได้อ่าน
อ่านไปอ่านมา เจอบทนึง เป็นแม่ ก กา

อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวะนารี
ที่หน้าตาดีดี ทำมะโหรีที่เคหา
ค่ำเช้าเฝ้าสีซ เข้าแต่หฬ่กามา
หาได้ให้ภะริยา โลโภพาให้บ้าใจ

เด้กๆเรียนกันอย่างงี้เหรอสมัยก่อน

แต่ว่ามาเจอ แม่กด หนาวเลย

แม่ กด

(ยานี๑๑)

ขึ้นกดบทอัศจรรย์

เสียงครื้นครั่นชั้นเขาหลวง
นกหกตกรังรวง สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง
แดนดินถิ่นมนุษย์ เสียงดังดุจเพลิงโพลง
ตึกกว้านบ้านเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนขะเยื่อนโยน
บ้านช่องคลองเล็กใหญ่ บ้างตื่นไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดยกันเอง
พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
ระฆังดังวังเวง โหง่หง่างเหง่งเก่งก่างดัง
ขุนนางต่างลุกวิ่ง ท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง
พันละวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน
พระสงฆ์ลงจากกุฎิ วิ่งอุดตลุดฉุดมือเณร
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน
พวกวัดพลัดเข้าบ้าน ล้านต่ล้านซานเซโดน
ต้นไม้ไกวเอนโอน ลิงค่างโจนโผนหกหัน
พวกผีที่ปั้นลูก ติดจมูกลูกตาพลัน
ขิกขิกรริกกัน ปั้นไม่ทันมันเดือดใจ
สององค์ทรงสังวาศ โลกธาตุหวาดหวั่นไหว
ตื่นนอนอ่อนนอกใจ เดินไม่ได้ให้อาดูรฯ


อ่านแล้ว โห โลมาชูชันทั้งอินทรีย์ โดยเฉพาะ วรรคสุดท้าย เห็นภาพชัดเจนมาก

แล้วครูเค้าอธิบายกันยังไงน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

Thursday, October 09, 2008

อยู่ตรงไหนดี

สองสามวันนี้ สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นมา
ไล่เรียงจาก

แกนนำไชยวัฒน์ กับ มหาจำลอง โดนจับ
พธม. เคลื่อนปิดทางเข้ารัฐสภา ขวางการแถลงนโยบาย
ตำรวจ ยิงแก๊สน้ำตา ใส่ เพื่อสลายการชุมนุม พธม.ขาขาด แขนขาด
ส.ส.ปชป. ไม่เข้าร่วมการแถลงนโยบาย
นายกฯ แถลงนโยบาย
พธม.ปะทะกับ ตำรวจ อยู่ตลอดเวลา
ส.ส. ส.ว. ออกจากรัฐสภาไม่ได้
นายกฯปีนรั้ว หนีขึ้นฮ.
ตำรวจโดนรถชน โดนธงเสียบ อาการปางตาย แต่ก็ไม่ตาย
รถระเบิดหน้าพรรคชาติไทย
พธม. ตาย สอง ศพ




หลังจากนั้น คำถามก็พรั่งพรู.....................ว่าเกิดอะไร ยังไง ภาพเหตุการณ์ถูกโพสขึ้นเวบ

ข้างค่าย พธม. ผู้จัดการ ก็ตามสไตล์ อัดตำรวจและรัฐบาล ด้วยภาพข่าว
ข้างวอร์รูม ฝั่งราชดำเนิน ณ พันทิพ ก็ออกมาวิเคราะห์แสดงภูิมิรู้ ว่า พธม. มีอาวุธ เฟ้ย ก็ตามสไตล์
ข้างเพื่อนๆ ในมัลติพลาย ก็อัด ตำรวจที่ใช้กำลัง ประณามเหตุรุนแรง
ข้างฟ้าเดียวกัน ก็อัดคนในมัลติพลายเหมือนกัน ว่าฟังข่าวมาข้างเดียว
ข้างหมอ ไม่รับรักษาตำรวจ
ข้างกัปตัน ไม่ยอมเสิร์ฟ ไม่ใช่ คนละกัปตัน ไม่ยอมให้ ส.ส. พปช. ขึ้นเครื่อง
ข้างจุฬาฯ ก็เดินประท้วง


เราอยู่ข้างไหนดีหว่า


Wednesday, October 08, 2008

ส.ส.ตัวดี ส.ส.ตัวผู้

ใครเปิดทีวีเมื่อวาน
นอกจากข่าวของการสลายม็อบ แล้ว
อย่าลืม ว่ายังมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลด้วยนะ

การแถลงนโยบาย ที่ต้องจารึกไว้ เนื่องจากไม่มีการอภิปรายจากฝ่ายค้าน
เนื่องจาก โดนบอยคอต
แต่ ส.ส. รัฐบาล ยังอ้างหน้าที่ (เกิดนึกจะมาขยัน ถุย!!! ดัดจริต) ทั้งที่สภาล่มมาหลายครั้ง ก็ ส.ส. ตัวดี ซีกรัฐบาลที่โดดร่มไม่เข้าประชุม เพราะเหตุผลทางการเมืองในพรรคพลังประชาชน

ผมเปิดฟัง 87.5 ถ่ายทอดเสียง ยิ่งอยากจะอาเจียน กับคำพูดที่ ส.ส. พ่นออกมา
บอกว่า ผมรักความสวยงามของประชาธิปไตยที่มีความเห็นแตกต่าง
หรือแม้แต่ นโยบายรัฐฯ เรื่องสมานฉันท์ ที่รัฐบาลบอกว่าจะทำ
แต่ข้างนอกยิงกัน ขาขาด
ส.ส.ตัวดี ยังมีหน้าอภิปรายอีกครับ ว่า ไม่มีคนขาขาดหรอก เพราะแก๊สน้ำตาไม่ทำให้คนขาขาด
ผมเลยตั้งคำถามในใจว่า ส.ส. 480 คนเนี่ย เป็นไดโนเสาร์กันซักกี่ตัว ไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองกันทางอินเตอร์เน็ตหรืออย่างไร โลกมันไปถึงไหนแล้ว คุณก็ต้องตามโลกให้ทัน


และเมื่อ รสนา ส.ว. กทม. (ปู่ชัย เรียก รจนา) ลุกอภิปราย ด้วยความคิดเห็นแตกต่าง
กลับเป็น ส.ส. ตัวผู้ในสภา โห่ไล่
แล้วก็ เป็น ส.ส.ตัวผู้ อีกล่ะ ที่เดินมาชี้หน้า ด้วยกิริยาหยาบคาย
แล้วก็เป็น ส.ส.ตัวผู้ ทังนั้นแหละ ที่เดินมาล้อมกรอบ
โดยเฉพาะผู้ที่มีบทบาทดำเนินเกมส์ไร้สาระมาโดยตลอด ก็เป็นขาประจำที่คอยจะทำสภาให้เป็นยิ่งกว่า สภาโจ๊ก ชื่ออะไรไม่อยากบอก แต่ตานี่ ชอบไปขุดทอง น่ะ
พวกตัวผู้ทั้งหลาย ยังไงก็รักษามารยาทหน่อยนะ มันดูไม่ดีหรอก

นักการเมืองตัวดี ตัวผู้ เผ่านี้ เมื่อไรจะหมดไปจาก สภา
ผมก็ได้แต่หวังว่า คนไทย จะคิดได้
แต่ก็ คงหวังเท่านั้น เพราะว่า คนไทยก็เป็นแบบนี้กันล่ะ ก็เลยได้ ส.ส. แบบนี้เข้ามา

Tuesday, October 07, 2008

แก๊สน้ำตา..ก็ยังป่าเถื่อนอยู่ดี

Friday, October 03, 2008

แล้วหล่อนไปเกี่ยวอะไรกับเค้าเนี่ย

เคยเห็นแต่ "ปวีณา" เอาเด็กมาแถลงข่าว ว่าโดนย่ำยี

แต่นี่ "ลีน่า" เธอไปยุ่งอะไรกับเค้าล่ะเนี่ย

แย่งพื้นที่ข่าวของ ชูวิทย์