Monday, January 29, 2007

ปาย....ใครว่าโลกร้อน(2)

ความเดิมตอนที่แล้ว คือ ผมและสมาชิกอีก ห้า คน คือ ล็อตโต้ แพน ฮั้ว โจ้ และอาจู
ก็เดินทางกว่าสิบ ชั่วโมงมาจนถึงดินแดนนพบุรีศรนครพิงค์เชียงใหม่แล้ว
แล้วแพนดอร่า เจ้าน้องรหัสของผม ก็วิ่งไปซื้อตั๋วไป ปาย ในสนนราคา 150 บาท
จากนั้นผมก็นั่งเล่นไป แต่ที่ทุกข์ใจคือ ปวดขี้ ละ่ครับพี่น้อง

มันก็เช้าน่ะนะ อันนี้ก็ควรจะเข้าใจธรรมชาติของลำไส้ ต้องเสียกะตังค์ สามบาท เพื่อไปแปรงฟันและทำภารกิจอันนี้ แต่ให้แปลกใจครับ เพราะว่า ห้องน้ำของที่ขนส่งนี่ สภาพแย่กว่าที่คิดไว้มากมาย
พื้นห้องน้ำไม่สะอาดยังพอให้อภัย แต่อ่างล้างหน้าสกปรกนี่ถึงขั้นไม่ปลื้ม พอกดน้ำออกมา งง อีก มันเหลืองประมาณเดทตอล เลยทีเดียว
นี่กรูอยู่ อ.เมือง หรือ อ.อมก๋อยวะ ระบบประปา มันแย่ หรือเราขาดน้ำ ขนาดต้องเอาน้ำทิ้งมาให้ใช้แล้วเหรอ จะแปรงฟันบ้วนปากนี่ชะงักไปพักนึง แต่ก็กลั้นใจ แปรงฟันไปอย่างขมขื่น เสร็จจากแปรงฟันแล้วก็ปลดทุกข์ซะหน่อย พื่นห้องน้ำเหลือบรรยาย เล่นเอาขี้ไม่ออกล่ะพี่น้อง ไม่เป็นไร อั้นไว้ๆ เอาไว้ไปปล่อยที่ ปายแล้วกัน

เสร็จจากภารกิจแล้ว ก็ไปจองตั๋วกลับ ปรากฏว่าลองเปลี่ยนบริษัทบ้าง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ก็มาจองสยามเฟิร์ส แต่ว่ามันดึกเกินไป พวกที่กลับมาทำงานก็จะกลับมาไม่ทันเช้า เลยจะไปเปลี่ยน แต่ก็ยัง เพราะว่า แปดโมงแล้ว ก็ขนของไปใส่รถตู้ แล้วไปโซ้ยโจ๊กกัน

แปดโมงครึ่งแล้วครับ รถออกอย่างตรงเวลา คนขับชื่ออะไรไม่รู้ ไม่สำคัญอะไร
แต่รถกำลังพาเราไปสู่ ทาง ที่ผมก็ยังไม่เคยไป และไม่เคยผ่านมาก่อนด้วยซ้ำ รถออกจากอาเขต ผมพยายามสังเกตเมืองเชียงใหม่ เหมือนที่ผู้ชายมองผู้หญิง คือ มองจากเส้นผมจรดปลายนิ้วหัวแม่เท้า เชียงใหม่เป็นเมืองอย่างแท้จริง ไม่มีกลิ่นอายชนบทหลงเหลือแม่แต่น้อย อะไรๆก็ดูจะไม่ต่างจาก กทม. หรอกนะครับ

แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถพาผม ผ่าน อ.แม่ริม ความเจริญก็มาถึงแม่ริมอย่างรวดเร็ว น้ำแร่ออร่า มันมาจากไหนวะ เห้นมีแต่ฝุ่น
แล้วก็ผ่านแม่แตง เลี้ยวเข้า 1095-สู่ อ.ปาย อย่างรวดเร็ว ผมผ่านโค้งแรกมาเมื่อไรไม่รู้ รู้แต่ว่าสองข้างทางล้วนแต่ภูเขา ซึ่งดูออกจะไมน่าตื่นเต้นเท่ากับทางข้างหน้าซึ่งโค้งเว้าราวเอวนางแบบ ก็มิปาน
พี่คนขับ ก็สวมวิญญาณ เฟอร์นานโด อลองโซ่ แชมป์รถสูตร 1 คือ พี่แก เลี้ยว ปาด แซง อย่างชำนาญ แต่คนในรถก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไร เพราะหลับกันหมด อาจจะกลัวอ้วก ก็ได้

เมดัลล่า ออบ ลองกาตา (ส่วนหนึ่งในสมอง) สะกิดเตือนผมว่า กระเพราะปัสสาวะของลื้อ จะอั้นฉี่ไม่ไว้แล้วนะ ทำไมจะต้องมาปวดฉี่ตั้งแต่ต้นทางด้วยวะ มันอีกตั้งหลายสิบกิโล หลายร้อยโค้ง กว่าจะได้ปลดปล่อย ผมเงียบ -"- กลั้นหายใจ ไม่ไหวติง นาน....นาน......นาน

นานเท่ามดเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา รถก็ผ่านห้วยน้ำดัง จุดหมายของพวกเราในคืนนี้ ผมชี้ชวนให้ทุกคนดู ว่ามันอยู่ตรงนี้นะ จำไว้ 33 กิโลเมตร จากปาย ผ่าน 100 กว่าโค้ง (เราจะมาได้ยังไง)

ถัดจากนั้นไม่กี่อึดใจ ป้ายตัวโตๆๆๆ เบ้งๆๆ เขียนว่า "จุดพัก-ห้องน้ำสะอาด" ผมดีใจจนเนื้อเต้น แล้วรถตู้ก็จอด ซักพัก ทหารเดินมาส่องหน้าเรา แล้วก็มอง เพ่งพิเคราะห์ ราวกับ คมช. ส่งมา แล้วก็ถามว่า มาเที่ยวกันเหรอครับ....แป่ว


ไม่ได้เข้้าห้องนำ้อยู๋ดี อั้นต่อไป...... รถลงจากเขาอันสลับซับซ้อน แล้วก็ฝ่าฝุ่น ของถนนที่กำลังสร้าง แล้วก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ท่ารถ




ปาย เล็กแต่ทำไมพลุกพล่าน รถมาส่งผิดที่รึป่าว ไม่ได้ไปข้าวสาร นะ ฝรั่งเดินกันให้เขียวปั๊ด แต่ไม่ไหวแล้วพี่น้อง ห้องน้ำคือจุดสำคัญที่สุดนะตอนนี้.....................

Sunday, January 28, 2007

ปาย....ใครว่าโลกร้อน(1)

กราบสวัสดี มิตรรัก แฟนบล็อกของผมทุกท่าน
หนึ่งเดือนของ(น้อง)ปีใหม่ กำลังจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
พวกปีสาม เวลาก็เหลือน้อยลงๆทุกที คิดๆแล้วก็ใจหายนะครับ
ยังไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลยนะเนี่ย
แต่อย่างไรก็ตามเหอะ ผมก็ชิงตัดหน้าเพื่อนๆปีสอง ไปเที่ยวซะก่อน ก็ไม่ได้ไปไหนที่แปลกใหม่หรอกนะครับ
เพราะว่า เป็นที่ที่ หลายคนในป.โท เคยไปเหยียบมาแล้วทั้งนั้น

ก็คือที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ครับ

ทริปนี้คนก่อการคือ ล็อตโต้ กับ แพน แต่คุณอาจู ก็มาชวนผมไป หะแรกก็จะไม่ไปหรอกครับเพราะว่าไม่อยากโดดวิชา อ.รัฐยา แหมเราออกจะตั้งใจเรียนปานนั้น แต่ว่าดีมานด์ของการท่องเที่ยวมันเหนือกว่า network effect อยู่มาก เลยไปเที่ยวดีกว่า (เป็นงั้น)

ผมไม่นึกว่า การไป เชียงใหม่แล้วไป ปาย มันจะง่ายดายขนาดนี้ คือ ไปหมอชิต ซื้อตั๋วไป เชียงใหม่ เลือกเอาว่าจะเอาทัวร์ไหน
สารพัด ตั้งแต่ วิริยะเก่า วิริยะใหม่ สมบัติ นครชัย สยามเฟิร์ส ฯลฯ คือว่าจะไปตอนไหนก็ได้ ง่ายมาก ผมเลือกไปกัย สมบัติทัวร์ครับ
งวดนี้ไปกัน หก คน นะครับ

ผมออกเดินทางวันศุกร์ ตอนสามทุ่ม ด้วยความที่ไม่เคยไป ชม. เลยตื่นเต้นเล็กๆ ไม่เหมือนอาจู ที่ไม่เคยไปหมอชิต (บ้านนอกจริงๆ)

หมอชิตวันศุกร์คนเพียบเลย

รถที่ไปก็เป็นรถสองชั้น สบายๆ นอนไปครับ แจกขนมเป็นมหกรรมเลย รถวิ่งไปติดแถวอ่างทองเพราะว่าทำถนน แล้วก็มาจอดที่ สลกบาตร กำแพงเพชร
จากนั้นก็ไปถึงเอาเขต(ชื่อสถานี) เชียงใหม่เอาซะ เจ็ดโมงเช้าครับ


ลงรถก้าวแรก โคตรหนาวเลยครับ ทุกคนก็ดูจะใส่เสื้อกันหนาวหนาๆ กันทั้งนั้น (ก็กรุงเทพมันร้อนนี่หว่า)
แพนวิ่งไปซื้อตั๋ว ไปปาย ครับ ได้รถมารอบ 8.30 เป็นรถตู้ครับ

=====ขอติดไว้ก่อน เอาไว้มาเล่าต่อ========

Wednesday, January 10, 2007

ใยต้องตื่นกลัวด้วยเล่า???

จากถ้วย FA สู่ถ้วย Mickey ของพลพรรคนกกระเด้าลม แห่ง Anfield


แม้จะโดนส่องไป 9 เม็ด พรุนไปทั่วสรรพางค์กาย

แม้สาวกจะรู้สึกขมขื่นต่อการเย้ยเยาะจากศิษยาวกสำนักอื่นทั่วทั้งโลกก็ตาม(โทรมาแสดงความยินดี ตั้งแต่ผมยังไม่ลุกจากเตียง)

แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งธรรมดาโลก มีแพ้ ชนะ (แต่ก็เคยคว้าแชมป์ UCL ล่ะวะ)


เบื้องหลังความแพ้พ่าย ก็ให้สงสารบุรุษ นาม Dudek ทวารบาล ผู้ขอโอกาสจากนายใหญ่ให้ลงไปเฝ้าเสาในบอลถ้วยยิ่งนัก

ผู้เคยได้ชื่อว่า เอกบุรุษ จากการปัดป้อง จนพาเครื่องจักรสีแดง ชูถ้วย UCL อย่างเหลือเชื่อด้วยลีลาปลาหมึกดึ๋งดั๋ง


อย่าคิดมากไป ทวารหลายคนในอดีต พอรับใช้ลิเวอร์พูล ไปซัก 2-3 ปี จะเกิดอาการ seat sick คืออยากไปนั่งสำรองบ้าง เลยแกล้งเฟอะฟะ แต่จริงๆน่ะเก่ง






พี่ใหญ่วัยดึก อย่าง Bruce Grobbellar ยุค 90 นั่น เฟอะขนาดทำให้ทีมแพ้ วิมเบิลดัน




David James ขนาดแกล้งทำบอลลอดขาตัวเอง


Sander Westerveld ก็อยากกลับฮอลแลนด์






หรือแม้แต่ Brad Friedel ก็ทำแกล้ง save ไม่ได้


รายล่าสุดคือ Dudek นี่เอง





แล้วใยต้องตื่นกลัวด้วยเล่า





Reina คงตามไปไม่ช้าที
เพราะว่า.........................



Because

"You'll Never Walk Alone"



When you walk through a storm,
Hold your head up high,
And don't be afraid of the dark.
At the end of a storm,
There's a golden sky,
And the sweet silver song of a lark.
Walk on through the wind, Walk on through the rain,
Though your dreams be tossed and blown..

Walk on, walk on, with hope in your heart,
And you'll never walk alone.......
You'll never walk alone.

Walk on, walk on, with hope in your heart,
And you'll never walk alone.......
You'll never walk alone.

Tuesday, January 09, 2007

21 ต้นแล้วแหละครับ

ผมเริ่มสะสม กระบองเพชรมาเกือบ 2 เดือนแล้ว

ที่ที่ไปซื้อ ก็ยังเป็น เทวศร์ ไปมาสามครั้งแล้ว

ยังอยากจะไป จตุจักร เหมือนกัน เพราะว่า มีให้เลือกมากกว่านั่นเอง



แต่ๆ อย่างไรก็ดี วันนี้ขอสั้นๆ เอา สมาชิกต้น 20-21 มาอวดโฉม พร้อมทั้งบ้านใหม่ของ เจ้าถังทอง และกระบองทองครับ



ต้นข้างบนนี่ชื่อ อย่างไม่เป็นทางการว่า เจ้ามันสมอง เห็นแล้วหิว สมองหมูขึ้นมาตะหงิดๆ เห็นใน บอร์ดซื้อขาย เค้าขายกัน แพงอยู่นะ


อันนี้ สวยดี มีสีเหลืองส้มๆ ไม่รู้ว่าเป็นลูกผสมรึป่าว


ตามด้วยบ้านใหม่ใหญ่ไปนิด ของทั้ง สามต้น



จบข่าว!!!

Monday, January 08, 2007

Tag มา ก็ Tag ไป

ถ้า Thesis มันแล่นเหมือน Blog ช่วงนี้ก็ดีน่ะสินะ
สืบเนื่องจาก BoTrai tag มา แถมช่วงนี้ กำลังอยู่ในกระแสเสียด้วย แม้แต่ Pinporamet ก็ยัง tag กับเค้าด้วย ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว ลองดูดิ๊

1. ผมชื่อ Jan เป็นเรื่องบังเอิญซะมากกว่า ไม่ได้เกิด January นะ อย่าเข้าใจผิด แต่เพราะว่า พี่ชื่อ จุง แล้วยังไง......ก่อนเกิดพ่อก็บอกว่า ถ้าเป็นลูกชายจะให้ชื่อ แจ๊ค (สมัยนั้นไม่มี ultrasound) แล้วกัน แต่ๆช้าก่อน เมียของเพื่อนพ่อผม ดันคลอดลูกออกมาก่อน คลอดโรงพยาบาลเดียวกัน แล้วก็ดันเป็นผู้ชายเสียด้วย เพื่อนพ่อผม เลยตั้งชื่อว่า แจ๊ค อ้าว...ทำไงล่ะทีนี้ ซ้ำกันซะงั้น พอผมคลอดออกมา เลยให้ชื่อว่า Jan อย่าไปถามนะว่าทำไม แต่ที่ฮากว่าคือ มนุษย์ชื่อ แจ๊ค ผู้นั้น บัดนี้ มิได้ชื่อ แจ๊ค เสียแล้วขอรับ -"- .........

2. ตอนเกิดมานี่สิ ดันเป็นเด็กไม่ครบเก้าเดือน เข้าใจว่าแปดเดือน หนัก 2 โล เอง แม่เล่าว่า 2 เดือนแรกที่เลี้ยง มัน(ผมเอง)ไม่ร้องซักแอะ หิวก็ไม่ร้อง ฉี่ก็ไม่ร้อง เข้าใจว่าไม่มีแรงจะร้อง เพราะว่าผอมเหลือเกิน (พูดได้เต็มปาก) แต่พอเดือนที่สาม สี่ ห้า ของชีวิต ดันกลายเป็นคนละคน กินๆๆๆๆๆๆ อ้วนๆๆๆๆๆๆ จนเพื่อนพ่อและคนแถวๆบ้าน เรียกแต่ว่า "ไอ้หมูหวาน" (เดี๋ยวนี้ เพื่อนพ่อผม ก็ยังเรียก หมูหวาน อยู่เลย อายนะเนี่ย) ส่วนอีกชื่อนึงนะก็มี ชื่อ ฝ้าย งงป่าว คือ พอหลังจากพ้น "หมูหวานmode" มาแล้ว ก็เข้าสู่ "mode ผอม" ตัวจะเบามาก เบาเหมือนปุยฝ้าย คนแถวบ้านเลยเรียก ไอ้ฝ้าย บัดนี้ก็ยังมีคนหลงมาเรียกอยู่อะครับ

3. ตอนเรียนมัธยมตั้งแต่ ม.3 ครูจับประกวดอ่านทำนองเสนาะ ซ้อมบ้าง ไม่ซ้อมบ้าง ได้ที่ 3 ของกลุ่ม 5 เวลาซ้อม ผมซ้อมอ่านกับรุ่นพี่คนนึง ชื่อว่า อั้ม ตอนนี้เป็นนักร้องนำ วงเบบี้บลู ครั้งสุดท้ายที่มาแข่งก็ตอนม. 6 แต่ได้ที่ 2 ส่วนคนที่ได้ที่ 1 เมื่อก่อนเป็นนักร้องวงบอยแบนด์ ชื่อ D2B ตอนนี้เป็นนักร้องคู่กับ บีม ซะอย่างงั้น ส่วนผมก็เป็นอะไรล่ะ ก็แขวนกระเดือกเลิกอ่านมานานแล้ว ฮ่วย!!!

4. ไม่เคยคิดที่จะเรียน เศรษฐศาสตร์เลย สาบาน ไม่รู้ว่ามันเรียนแล้วจะจบไปเป็นอะไร เค้าว่าเป็น เศรษฐกร ก็อือออ เรียนเทอมแรก เจอ TU152 แล้วทำข้อสอบไมได้ ตกมีนสยอง คิดว่าจะซิ่วแล้ว จะไปอยู่ นิติฯจุฬาฯ แน่ๆ แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ให้สู้ ส่วนป.โท ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะเรียน แต่ยังไม่อยากทำงานต่างหาก จนบัดนี้ก็ไม่รุว่าตัวเองชอบอะไร แต่ถ้าย้อนกลับไป แล้วซิ่วไปจุฬา อาจจะไม่ได้มานั่งเขียน blog นี้ก็ได้ (โถๆๆ)

5. ชอบอยู่คนเดียว และไม่ชอบอยู่คนเดียว เพราะ??
เวลาอยู่คนเดียว มันก็จะทำอะไรก็ได้ นอน เล่น ดูทีวี แต่ทำให้ Thesis ไม่เดิน
เวลามีคนอื่นอยู่ด้วย ก็จะชวนกันคุย ชวนกันกิน ชวนกันตีแบด Thesis ก็ไม่เดินอยู่ดี เวง!!

5 ข้อ จะรู้จักผม เพิ่มขึ้นมาบ้างมั้ง อยากรู้จักผมมากๆ ก็มาคุยกันสิ Thesis จะได้ไม่เสร็จ เฮ้อ

Tag ต่อให้ใครดีล่ะ
Nettynet, AimIsMad, Golffy_go (เผื่อมันจะได้ขยับบอร์ดบ้าง-มันจะรู้ป่าววะ),Zombie Kor1, และพี่ Toom

Sunday, January 07, 2007

ย่ำแดนมังกร (16) : Victoria Peak and etc.



ทิ้งว่างไปนานนะครับ ช่วงนี้พอจะว่างบ้างเลยฟิต up blog มันทุกวันซะอย่างงั้น กลับมาอีกครั้งนะกับมหากาพย์ที่ฮ่องกง ขอค้อมคารวะด้วยใจที่ยังอดทนอ่านกันมาถึง ตอนที่ 16 แล้ว ซึ่งก็ยังไม่ถึง DisneyLand ซักที เหมือนหนังช่อง 7 ก็มิปาน เรตติ้งไม่ดียังจะเสือกยืดอีก



ตอนนี้ ตั้งใจว่าจะพาไปดู Victoria Peak ครับ ยอดเขาของ Hong Kong



< ความเดิมตอนที่แล้ว พวกทัวร์ Shopping กันอย่างเมามัน ก็ได้เวลาที่จะไปชมเมืองฮ่องกงตามกำหนดการแล้ว รถโค้ชพาคณะของเราไปยัง Victoria Peak หรือว่าชื่อภาษาไทยคงเป็น ยอดเขาวิคตอเรีย ชื่อภาษาจีนคือ 太平山頂 อ่านว่า ไท่ผิงซานติ่ง แปลตรงตัว ยอดเขาแห่งความผาสุก (น้ำเน่าเชียว) ก็ถือได้ว่า เป็น Landmark ของฮ่องกงทีเดียว ทางขึ้นเขา อุแม่เจ้า ช่างลดเลี้ยวเป็นยิ่งนัก ไกด์บอกว่า บางคนถึงกับอ้วกเลยก็มี แล้ว ไกด์สาวซาซ่า ก็บรรยายสรรพคุณของเจ้ายอดเขานี้ว่าค้นพบแล้วขึ้นมากันยังไง แล้วก็ชี้ชวนดูพวกบ้านเศรษฐี พวกเฉิน หลง หรืออย่างมหาเศรษฐี ลี กา ซิง ซึ่งมาซื้อเอาไว้ แล้วก็ไม่ลืมแถมเรื่องฮวงจุ้ย ด้วย


รถมาหยุดที่ จุด ชมวิว ซึ่งผมเชื่อว่า ใครไปทัวร์ก็จะพามาแวะ ตรงนี้แหละ คือไม่เสียตังค์ค่าดู ว่างั้น
ต้องยอมรับแหละครับ ว่า Landscape ของฮ่องกงนี่งามเอามากๆ คือมีทะเล แล้วก็ตึกสูดปรี๊ด บางอันก็เหมือนเข็มฉีดยา บางอันเหมือนโลงศพฝรั่ง เพราะว่าดันไปสร้างทับที่ ที่เคยเป็นสุสานมาก่อน ก็เฮี้ยนสิครับ เลยต้องแก้เคล็ดด้วยวิธีนี้ เมืองจีนนะครับ อย่านึกว่าอยุ๋เมืองไทย สรุปคือ มันเป็นกันทั้งแหละวะ




อยู่ข้างบนนี่ก็อากาศเย็นสบายดี มีห้องน้ำห้องท่า เมืองไทยก็น่าจะลองพัฒนาพวกยอดเขาอะไรอย่างงี้บ้าง แล้วก็ยังมีบริการถ่ายรูปด่วนรอรับได้เลยไม่เคยบิดพลิ้วด้วยนะแต่ๆช้าก่อน ไม่ได้ดูกันแค่นี้ครับ เพราะว่า ผมไปเห็นมหกรรมอะไรบางอย่าง นั่นคือ การคุ้ย ตกใจนึกว่าใครย้ายสำเพ็งมาที่นี่ เพราะว่า คนมุงกันเพียบเลย แล้วก็แย่งกันเสียด้วย


เป็นการขายนาฬิกาอะครับ แล้วก็ของที่ระลึกอื่นๆ ก็เลยสอยมาฝากเพื่อน ซัก 2-3 เรือน เข้าใจว่า 5 เรือน 100 หยวน ก็ตกเรือนละ 100 บาทไทย แต่ว่าสำเพ็งมีเป็นแผงเหมือนกัน




ก่อนกลับไปเจอเจ้านี่ ประหลาดดี สูงยังงี้ หมาที่ไหนจะขึ้นมาพี่น้อง

แล้วก็ได้เวลาลงเขาครับ ไป shopping อีกแล้ว...ไรวะ (ตรงนี้ขอข้าม Repulse Bay ไปก่อนไว้จะมาเล่าตอนหน้า)

คราวนี้เป็น Hi light ครับ เพราะว่า ไกด์สาวซาซ่า ก็พาเราไปยัง Duty Free ของที่ฮ่องกง ห้างอะไรจำไม่ได้ แต่ว่าทำไม Duty Free ที่นี่แพงกว่า King Power จังวะ เลิกครับไม่ซื้อดีกว่า แต่ว่าคนอื่นๆ ก็ซื้อกันบ้างนะ

ไกด์พาเดินต่อ (เดินไวชิบหาย) ไปที่ Harbour City ครับ ทำไมไม่นั่งรถเมล์ไปวะ แค่ 2 เหรียญเอง ไกลโคตร ทะลุ โรงแรม Marcopolo อีก ไม่เคยมา จะจำทางได้ไหมวะ แล้วก็อีกหลายเลี้ยว (จากถ.จอร์แดน) มาเจอ Toy'r' Us โคตรเหง้าของ ของเล่น นานาชนิด สากกะเบือวิเศษยันเรือดำน้ำ มีหมด วันที่ไปเป็นช่วงใกล้ Halloween ผีฝรั่ง ผีจีนเพ่นพ่าน เต็มไปหมด

หมวยตี๋ ก็มาซื้อหากันไปใส่ในวันปล่อยผี แต่ที่ประทับใจคือ โอ้วพระเจ้า ใหญ่มากๆๆๆ ของเยอะมากๆ แล้วราคาล่ะ? ราคาก็ไม่แพงนะ พี่ผมก็เลยสอยตุ๊กตา barbie มาซะ 2 ตัว คือราคาถูกกว่าไทยแลนด์ เป็นครึ่งอะ ก็แหงล่ะโรงงานมันอยู่ตรงนี้เองล่ะพี่น้องเอ๊ย ช่างน่าอิจฉาคนฮ่องกงเสียจริง

เผลอแว่บเดียว ไกด์สาวซาซ่า เป่านกหวีด รวมพล กลับโรงแรม

(อารมณ์ค้างดิ ไว้มาเล่าต่อนะครับ รวมถึง Repulse Bay ด้วย)

มาบ่นให้ฟังเฉยๆ

จู่ๆ อากาศหนาวๆ ก็หายไปจาก กทม. และแทนที่ด้วยความร้อนจากข่าววางระเบิด
ผมก็พลอยได้รับข่าวเตือนมาด้วย จะไม่เชื่อก็ไม่ได้ ไม่อยากตายก่อนวัยอันควร
เสียดายแทนคนไทย ที่ต้องเสีย นศ.ป.โท คณะศิลปศาสตร์ มธ.ไป คิดแล้วเศร้า แต่ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป
ระวังตัวกันให้มากนะครับ

วันเบาๆ ไม่ใช่วันมามากแบบนี้ อยากจะลองหาอะไรมาให้ เพื่อนๆลองเล่นกันดู ไม่รุ้จะเคยแบบผมรึป่าว
คือด้วยความอยากรู้อยากเห็น ลองเปิด Google ครับ แล้ว ลองพิมพ์นามสกุล ตัวเองลงไปสิครับ

ถ้านามสกุลดัง อย่าง บุนนาค ก็คงจะปวดหัวหน่อย เพราะว่า ญาติจะเยอะมาก ทั้งๆที่ไม่ได้ชื่อ ยุ้ย
แต่สำหรับผม ก็ออกจะ งง งวย กระต่วยตุ่น อยู่ไม่น้อยเพราะว่า ไปเจอมนุษย์ที่ นามสกุล เหมือนกัน ปรากฏอยู่ทุกๆ หย่อมหญ้าของเมืองไทย
บางคนก็รุ้จักนะ เพราะว่าเป็นคนที่เคยเห็นหน้ากันมาบ้าง ลุงบ้าง
แต่บางคนนี่ ดูเหมือนจะไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน พยายามนึกว่า ญาติฝ่ายไหน เคยคิดเหมือนกันว่าจะลองเมลไปถามดูดิ๊ ว่าพ่อ ปู่ ชื่ออะไร ก็กลัวจะโดนอะไรกลับมา

นอกจากญาติโกโหติกา แล้ว บางทียังได้เจอข้อมูลของตัวเองซึ่ง บางทีก็อดจะแปลกใจว่า ไปทำไว้ตอนไหนวะ หรือไปสมัครไว้เมื่อไร อะไรทำนองนั้น
นอกจากจะนามสกุลตัวเอง ถ้าเสือกๆ หน่อย ก็ลองเอานามสกุลเพื่อนตัวเอง ลองใส่เข้าไป เผื่อจะได้รู้จักเพื่อนคุณเพิ่มขึ้นมาบ้าง
บางคนอาจจะคิดว่าแล้วจะรุ้ไปทำไม แต่รู้ไว้ก็ไม่หนักหนาอะไรนี่นา รู้ชื่อพ่อก็คงไม่เอาไปล้อหรอก หมดสมัยไปนานแล้ว
นี่ล่ะ ข้อมูลสาธารณะ บางคนก็คงจะไม่ชอบให้ล้วงข้อมูลตัวเอง ก็ขอโทษทีนะครับ
แต่ว่า ข้อมูลของท่าน worldwide ไปเสียแล้ว
ปล.จะด่าว่าเสือก ก็ชินซะแล้วล่ะครับ

Friday, January 05, 2007

สวัสดีปีใหม่ : สมาชิกใหม่

คงต้องกล่าวว่า สวัสดีปีใหม่ สำหรับผู้หลงเข้ามาอ่าน Blog ทุกท่าน ให้โชคดีเจริญๆ

ที่เรียนอยู่ ก็ขอให้ Thesis เสร็จไวๆ

ที่ทำงานแล้ว ก็ขอให้งานเบาๆ เงินเดือนเยอะๆ โบนัสมากๆ

และที่สำคัญ ขอให้ทุกคนปลอดภัยจากระเบิด



ตอนนี้กลายเป็นว่า กทม. ไม่ปลอดภัยซะแว้ว จะไปไหนทีก็รู้สึกเสียวซ่านอุราเป็นยิ่งนัก โดยเฉพาะ 3-4 วันมานี่ ดูเหมือนจะมีการขู่วางระเบิดกันยกใหญ่ ทั้ง ร.ร. และ ห้างฯ รวมถึงจุดสำคัญๆต่างๆ

แถมเมื่อวาน (4/1/50) อยุ๋ๆตอน 3 ทุ่มครึ่ง น้องบอย ก็โทรมาบอกว่า เค้าจะปฏิวัติซ้ำ ปฏิวัติซ้อนกัน แรกๆ ก็ขำ คิดไปคิดมา

ยิ่งดู ประธาน คมช. ออกทีวี ช่อง3-5 มีตัววิ่ง ว่า เป็นการสลับกำลังพล

ซักพักนึง พี่สาวผมโทรมา บอกว่า ที่โคราช ทหารเต็มพื้นที่ เต็มทางรถไฟ



แต่สรุป ก็ไม่มีอะไร




พักเรื่องการเมือง มาเรื่อง ต้นไม้ดีกว่า อนุสนธิ จาก การเล่นบัดดี้ บัดดี้ผมให้ cactus มา 6 ต้น และ ดิน และหิน และกระถาง

แต่ว่ายังไม่มีเวลา เอาไปใส่ ก็ได้แต่ให้ปุ๋ย มาดู ลูกๆ ทั้งหกดีกว่าครับ










คือที่บัดดี้ที่แสนดี ซื้อให้นี่ ก็แทบจะไม่ซ้ำกับที่มีเลยทีเดียว เห็นจะมีซ้ำก็เป็นครอบครัว Opuntia รูปที่ หก นั่นแหละ ส่วน อันอื่น เด๋ววันหลังจะมารายงานชื่อให้ทราบ

ส่วนต้นสุดท้ายนี่ กำลังจะออกดอกแล้วล่ะครับ รูปที่ถ่าย ถ่ายเมือปีที่แล้ว ตอนนี้ ดอกเริ่มตูม ใหญ่มาก อิอิ

มาลุ้นว่าดอกจะสีอะไรเนอะ อักๆ