Thursday, January 24, 2008

เงินกับการเลือกตั้ง

23 ธันวาคม 2550 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ของประเทศสยาม
หลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้

กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรอง ทั่นส.ส. ผู้ทรงเกียรติไปแล้ว 477 คน เลือกอีกที่ยังต้องเลือกใหม่ 3 คน จะครบ 480 คน

ในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ศุนย์วิจัียกสิกรไทย ได้คาดการณ์ว่า จะมีเงินสะพัดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยพิจารณาจากความเข้มข้นในการแข่งขันของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ในแต่ละเขต รวมไปถึงจำนวนผู้สมัคร ส.ส.หน้าใหม่ที่มีความพร้อมทั้งเงินทุนและกำลังกายก็ถือว่าเยอะพอสมควร

ผมก็ไม่รุ้ว่าทางนั้น เค้าคิดคำนวณแบบใด

ผมลองคิดกันเล่นๆ ผู้สมัครคนนึงใช้เงินไม่เิกิน 1.5 ล้านบาท ตามกฎของกกต.

แบบสัดส่วนมี 1,260 คน คิดแล้ว ก็มีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,890 ล้านบาท
แบบแบ่งเขตมี 3,892 คน คิดเป็นเงินประัมาณ 5,838 ล้านบาท
รวมเป็น 7,728 ล้านบาท

ซึ่งถือเป็นการประเมินขั้นต่ำ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อผู้สมัคร น่าจะเยอะกว่า 1.5 ล้านบาท แน่นอน

ถามว่าเงินที่ใช้จ่ายตกในมือใครบ้าง

ที่เห็นและได้แน่ๆ คือบริษัทหรือโรงพิมพ์ นั่นเอง
ต่อมาจะเป็น พวกหัวคะแนน หรือ ที่เรียกกันโดยนิคเนมว่า มือปืนรับจ้าง

มือปืนรับจ้างพวกนี้ ไม่ได้ เอาปืนไปไล่ฆ่าใคร แต่จะเอาเงิน(กระสุน)ที่ได้จากผู้สมัคร ไปแจกให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือ ศัพท์ในวงการ เรียกว่า "ยิง" โดยจะมีการตกลงกับ ผู้สมัครว่า หมู่บ้านหรือเขตที่หัวคะแนนรับผิดชอบนั้น มีเสียงอยู่เท่าไร จะต้องใช้กระสุนเท่าไร ซึ่งหัวคะแนนก็จะได้รับค่าจ้างเป็นเงินตอบแทน อาจจะก่อนหรือหลังเลือกตั้ง

หากว่า "ยิงเข้า" --> ได้คะแนนตามที่คาดไว้ ก็อาจจะมีบำเหน็จรางวัล
หากว่า "ยิงไม่เข้า" --> หัวคะแนน ก็อาจจะต้องโดนทำโทษอะไรบางอย่างสุดแท้แต่จะตกลงกัน หรืออาจจะไม่โดนอะไรเลย

สุดท้ายปลายทางคือ ชาวบ้าน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จะได้เงินจากที่หัวคะแนนเอามาแจกให้ อาจจะไม่ได้รับเงินจากผู้สมัครคนเดียวก็ได้ ฉะนั้นผู้มีสิทธิ์บางคนอาจจะได้เงินจากการเลือกตั้งครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจเลือกตั้งระดัีบประเทศ หรือระดับท้องถิ่น อบต. อบจ. คนละ 400-1000 บาท

การแจกเงินแต่ละครั้งนั้น รอดหูรอดตา เจ้าหน้าที่บ้านเมืองหรือไม่ คำตอบคือ ไม่
เป็นไปไม่ได้ ที่เจ้าหน้าที่ทั้งผ่ายปกครองระดับท้องถิ่น จะไม่รับรู้
เพราะทันที ที่เงินถูกแจกไป ข่าวก็จะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
แต่...เจ้าหน้าที่ฯ ก็อาจจะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เพราะว่าหลักฐานไม่มี และป่วยการที่จะไปตามไล่จับ คิดเสียว่าให้ชาวบ้านได้เงินคืนจากนักการเมืองบ้าง เพราะเงินที่ชาวบ้าน ส่วนหนึ่ง ก็คือเงินที่นักการเมืองไปฉ้อราษฏร์มานั่นเอง

ก็กลายเป็น เรื่องสมยอม ไม่มีโจทก์ไม่มีจำเลย ผู้เสียหายก็ยอมให้ข่มขืนแต่โดยดี เพราะได้ค่าตอบแทน ก็ไม่รู้จะไปดำเนินคดีกับใคร

คิดแล้วก็ให้ตลกนัก

ตลบกลับไปดู ประเทศมหามิตรอย่าง สหรัฐอเมริการ ที่กำลังรณรงค์หาตัวแทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประมุขของชาติกันบ้าง ว่าใช้เงินกันไปเท่าไร

มาดู ที่ เดโมเเครต กันก่อน

ณ ตอนนี้

วุฒิสมาชิกผิวสี นายบารัค โอบาม่า ได้เิงินเพื่อการรณรงค์ครั้งนี้มาประมาณ 80 ล้านเหรียญดอลล่าร์ แต่ว่าใช้ไปแล้ว ประมาณ 44 ล้านเหรียญฯ ทั้งๆที่ยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ

ส่วนคู่แข่งคนสำคัญ อบ่าง นางฮิลารี่ คลินตัน นั้น ได้เิงินมาประมาณ 90 ล้านเหรียญฯ แต่ใช้ไปน้อยกว่านายโอบาม่า คือ 40 ล้านเหรียญฯ

ส่วนคู่แข่งคนอื่น วุฒิสมาชิกจอห์น เอดเวิร์ด ใช้เงินไปแล้วเกือบ 18 ล้านเหรียญฯ
ส่วนคนอื่นๆ ใช้เงินรวมกันราวๆ 30 ล้านเหรียญฯ

สรุปแล้วผู้เสนอตัวของพรรคเดโมแครต ใช้เิงินไปแล้วกว่า 132 ล้านเหรียญฯ หรือคิดเป็นเงินไทยคร่าวๆเอา 33 คูณ ก็จะออกมาที่ 4,356 ล้านบาท

ส่วนทางฝั่งรีพับลิกันนั้น นายมิต รอมนีย์ ใช้เงินไปมากสุดคือรา้วๆ 53 ล้านเหรียญฯ รองลงมาเป็นอดีตนายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก นายรูดี้ จูเลียนี่ ใชเ้งินไปแล้ว ราวๆ 30 ล้านเหรียญฯ ส่วนตัวเต็งอีกคนคือ นายแมคเคน ใช้เิงินไปแ้ล้ว กว่า 28 ล้านเหรียญฯ ครับ
ส่วนคนอื่นๆใช้เ้ิงินไปแ้ล้วรวมกัน 17 ล้านเหรียญฯ
ยอดของรีพับลิกันใช้เงินไป รวมแล้ว 128 ล้านเหรียญฯ หรือ 4224 ล้านบาทไทย

นี่แค่รณรงค์หาตัวแทนของพรรคนะครับ ยังจะมีรอบศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เหมือนทำศึกซุปเปอร์โบวล์แหละ

เงินสะพัดจริงๆ แต่ผมไม่รู้ว่า ที่อเมริกาเนี่ย มีมือปืนรับจ้างแบบบ้านเรารึป่าว

Wednesday, January 23, 2008

เขามาแน่

วี่แวว ของ วิกฤตเศรษฐกิจรอบใหม่ มาแล้วล่ะครับ
ปัญหาหนี้เน่าของภาคอสังหาฯ ในสหรัฐ พ่นพิษ ปริ๊ดๆ ใส่นักลงทุน ไปทั่วตลาดทุนทั้งโลกแล้ว
เอเชีย โดนแล้ว เมื่อ สอง วันนี้เอง

ประเทศไทย ก็หุ้นกราวรูด นักลงทุนต่างชาติ เทขาย เอาเงินมากอด

แถมมีข่าวว่า จะให้ อาหมอ เจ้าของบอดี้เชฟ มากุมบังเหียน เป็นขุนคลังแก้ว คู่ใจนายก สมัคร
หมอเลี้ยบ ก็ออกปากว่า อย่างไรเสีย ถ้าได้นั่งเกาอี้ตัวนี้ ก็ต้องปรึกษานายใหญ่แม้วล่ะ หวังจะพึ่งปัญญาของนายใหญ่ล่ะกระมัง

พรรคไทยรักไทย เคยบอกกับ พี่น้องประชาชนว่า

พรรคเรานี่แหละ เป็นคนกู้เศรษฐกิจกลับคืนมาพี่น้อง!!!!!

พรรคเรา ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ ที่บางพรรคก่อไว้ ได้ก่อนกำหนด !!!!!! (เอ้า เฮ!!!)
พรรคเรา ทำให้ จีดีพี ของประเทศโต !!!!!!
พรรคเรา ทำให้หุ้นขึ้น !!!!

ผมก็ได้แต่รอพิสูจน์ กึ๋น ของท่านผู้นำร่างทรง และท่านผู้นำหน้าเหลี่ยม ตลอดจน ขุนคลังเลี๊ยบ และเจ๊มิ่ง
ว่าจะ เก่ง ขนาด ช่วยให้อะไรๆ มีนโยบายประหลาดๆ มาหลอก...เอ้ย มาช่วยสถานการณ์ตรงนี้ได้อย่างไร

กลัวก็แต่จะตีหน้าเศร้าเล่าความจริง ว่าเป็นเพราะ เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก หรือไม่ก็ เป็นปัจจัยภายนอก ทำให้พรรคเราแก้ไขอะไรไม่ได้

เมื่อนั้น เขา จะมารึป่าว น้า ....

กงล้อประวัติศาสตร์ มักหมุนกลับมาที่เดิม

Tuesday, January 22, 2008

นกกะรางหัวหงอก

ผมเป็นคนดชคดีคนหหนึ่ง ที่ได้มีโอกาส เข้าไปเหยียบ ผืนป่าตะวันตกอันยิ่งใหญ่ ที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

ไม่ได้มีอะไรจะมาฝอย หรือ โม้ ให้ฟังมากมาย
เพราะว่า ขี้เกียจพิมพ์

แต่ ความประทับใจ ในการไปครั้งนี้ คือ เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ได้มีโอกาส "ดูนก"

จริงๆ ผมก็เคยดูนกมาแล้ว
ไม่ว่าเป็น นกพิราบ แถวสนามหลวง
ไก่ (นับเป็นนก) ก็แถวสนามหลวงเช่นกัน
นก ฉัตรชัย
นก สินจัย ในรักแห่งสยาม
เริ่มจะออกทะเลซะแล้ว

ดูนกที่ ห้วยขาแข้งครั้งนี้ ผมต้องตื่นตั้งแต่เช้า ก็ราวๆ ตีห้า
จริงๆไม่ได้ตื่นเต้นว่าจะได้ดูนก แต่ว่านอนไม่หลับ มันหนาวๆ แล้วก็ออกจะแปลกที่ด้วย เลยตื่นบ่อยมาก

ตื่นมา น้ำไม่อาบน้ำล่ะ

ด้วยความเข้าใจว่า พี่เจ้าหน้าที่ นัด 6.30 ที่โรงอาหาร ซึ่งห่างออกไปจากที่ผมพัก ประมาณ 2-300 เมตรได้
ผมและเพื่อนๆอีกหลายๆ เดินไป.......
แต่......เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะว่า เค้านัด 6.30 ที่จุดที่ผมพักนั่นแหละ ไม่รู้จะโง่เดินไปทำไม ไม่เข้าใจ

เจ้าหน้าที่ของเขตฯ มาแล้ว แบ่งเป็น ห้ากลุ่ม ผมไปกับ กลุ่มของ นศ.ป.โท
แต่ผมแว่บไปเข้าห้องน้ำครับ
กลับมา เพื่อนไม่รอแล้ว ไม่ใช่ความผิดของเพื่อน แต่ว่าเป็นความผิดของผมที่ไม่บอกเพื่อนก่อนว่าจะไปเข้าห้องน้ำ
เพื่อนเลยไมรู้

ไม่เป็นไร
ผมเลยไปกับน้องป.ตรี (สาวๆ) แทน
นับเป็นการพลิกวิกฤต เป็นโอกาสอย่างยิ่ง

อุปกรณ์การดูนก คือ กล้องสองตา ของ Busshell และ คู่มือดูนกในประเทศไทย
หน้าปกเป็น นกพญาไฟ

พี่จนท.ที่นำชม สุดยอดมาก ได้ยินเสียงนกปุ๊บ พี่เค้าบอกได้เลยว่า เป็นนกวงศ์ไหน ตอนแรกเราก็หาไม่เจอว่า นกมันอยู่ตรงไหน เค้าก็ค่อยๆชี้ให้ดู
นกตัวแรก มันสีเขียวๆ ผมไม่เคยเห็นนกที่สีสดใส แบบนี้เลย ตื่นเต้นมากๆ
[ตามไปดูรูปที่คนอื่นถ่ายไว้ http://www.zyworld.com/NAKARIN/HTMLbluewingedleafbird.htm]

ตัวมันเขียวๆ หัวดำ ชื่อว่า นกเขียวก้านตอง แต่ผมก็ไม่รู้ว่า มันเป็นเขียวก้านตองใหญ่ เล็ก พี่เค้าดูออกได้ยังไง คงจะชำนาญมากๆๆๆ
นกชนิดนี้ พบมากจริงๆ เหมือนนกกระจอกแถวบ้านเราแหละ

อีกชนิดนึงที่ผมชอบ และประทับใจคือ นกแซงแซว
ที่ผมเห็นคือ นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ และ นกแซงแซวหางปลา
หางสวยแปลกมาก ชอบๆ

และที่ผมชอบมากคือ และเป็นพระเอกของผม คือ
นกกะรางหัวหงอก
พี่จนท. บอกว่า เค้าเรียกว่า นกแก่ เพราะว่า หัวมันหงอก.......
นกที่ว่า มันร้องดัง เจี๊ยกคร่อกๆๆ นึกว่า ลิง
แต่ถ้าฟังดีๆ มันจะร้องว่า เจ๊ก-ฮก เจ๊ก-ฮก

มีเรื่องเล่าอยู่ว่า เดิมทีเจ้านกกะราง ก็ผมดกดำเป็นเงางามราวกับใช้ยาย้อมผมออด๊าซก็มิปาน แต่อยู่มาวันหนึ่ง นกตัวนี้ เกิดอยากจะบินไปหาเส้นขอบฟ้า ก็ไม่รู้จะบินไปทำอะไร ก็บิน บิน บิน บินไป บินไปก็ไม่ถึงซักที

บิน มาไกล ก็ชักจะเหนื่อยแล้วล่ะ
พักซักหน่อย
พอดีเหลือบไปเห็น ชายคนหนึ่ง จึงถามชายคนนั้นว่า

ฉัตรชัย : เอ่อ.....ไม่ทราบว่า เส้นขอบฟ้านี่ไปอีกไกลมั๊ยครับ
เจ๊ก : ไอ้หยา....ลื้อจาไปทำไม ที่เส้งโขบฟ้า แต่ว่า มังก็ม่ายไก หรอกน่า อาเส้งโขบฟ้า เนี่ย..ขาก.....บิงไปแป๊บเลียว ปูเหลียวก็ถึงเลี้ยว น่อ...ฮ่อ...ฮ่อ
ฉัตรชัย : ขอบคุณครับ

พระเอกก็บินต่อไป

แต่....บินไปเท่าไร ก็ไม่ถึงเส้นขอบฟ้าซักที

นานเข้าๆ ผมจากสีดำ ก็เปลี่ยนเป็น สีขาว

กลายเป็น นกกะรางหัวหงอก แทน

และด้วยแรงแค้น นกฯ จึงร้องว่า เจ๊ก-หก เจ๊ก-หก

แปลว่า เจ๊ก(โก)หก นั่นเอง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
เวลาจะไปเที่ยวไหน ไม่ควรวางใจ (แจน) จีน

ดูรูป นกกะรางหัวหงอกที่ http://www.zyworld.com/NAKARIN/HTMLwhitecrestedlaughingthrush.htm

ไม่อยากเอามาลง เกรงใจเค้า


Friday, January 04, 2008

Huckabee, Obama enjoy huge night in Iowa

โฉมหน้าผู้นำคนใหม่ของโลกแทนตาบุช เริ่มปรากฏฉายให้เห็นแล้ว หลังจากการหยั่งเสียงที่ Iowa เป็นการหยั่งเสียงแบบที่เรียกว่า caucus คือเป็นการหยั่งเสียงของประชาชน โดยการที่ประชาชนจะมาประชุมกัน ตามศาลาประชาคมของหมู่บ้าน แล้วก็จะมารับฟังปัญหาและนโยบายของผู้ที่เสนอตัวเพื่อที่จะเป็นตัวแทนพรรค เพื่อที่จะลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งปลายปี 2008นี้

ฟากเดโมแครต มีตัวเต็งอย่าง อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ นางฮิลลารี่ คลินตัน(Hillary Clinton) วุฒิสมาชิกจากนิวยอร์ค ซึ่งประกาศตัวจะเป็นประธานนาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ อีกคนคือ วุฒิสมาชิกหนุ่มผิวสีจากอิลินอยส์ บารัก โอบาม่า (Barack Obama) ซึ่งก็ประกาศตัวว่าจะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก เช่นกัน ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้แก่ วุฒิสมาชิก John Edwards
โพลก่อนการหยั่งเสียงนั้น แม่เสืออย่าง นางคลินตัน นำ คู่แข่ง Obama กับ Edward แบบไม่เห็นฝุ่น แต่พอนานๆไป นางกลับเจอข้อวิจารณ์ว่า ดุดันเกินไป ในขณะที่ Obama กลับตรงกันข้าม คือมีท่าทีที่นุ่มนวลกว่า

ผลการหยั่งเสียงในรัฐ Iowa ซึ่งถือเป็นรัฐแรกนั้น ปรากฏว่า Obama มีคะแนนนำคือ ได้ไป 38% ในขณะท ี่ที่ 2 กลับไม่ใช่ Clinton กลายเป็น Edwards แทน ได้ไป 30% แต่Clinton ก็ตามมาติดๆ ที่ 29% แม้จะเป็นสนามแรก แต่ก็พอจะเห็นแววแล้วว่า Clinton คงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อที่จะเอาชนะ Obama ในรัฐอื่นๆ ซึ่งครั้งหน้าที่จะมีการหยั่งเสียงคือที่รัฐ นิวแฺฮมเชอร์ (หรือ นิวแฮมเชียร์) นั่นแหละ

จากชัยชนะของ Obama นี้ ซึ่งเบื้องหลังคะแนนของนาย Obama นั้น 57% มาจากคนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี สื่ออย่าง cnn วิเคราะห์ว่า น่าจะมาจากคนอเมริกัน จะต้องเลือกระหว่าง ประสบการณ์ของ Clinton กับ เลือดใหม่อย่างนาย Obama และคนอเมริกัน(ในรัฐ Iowa) ก็อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงและอยากได้อะไรใหม่ๆ จึงเลือก นาย Obama และเมินต่อประสบการณ์ของ Clinton
อย่างไรก็ตาม
หลังจากการหยั่งเสียงนี้แล้ว ปรากฏว่า มีผู้เสนอตัวของฟากเดโมแครต ถอนตัวไปแล้ว สอง คน คือ Chris Dodd --วุฒิสมาชิกจาก Connecticut -- และ Joe Biden วุฒิสมาชิกจาก Delaware

ข้ามมาดู พรรครีพลับลิกัน กันบ้าง มีผู้เสนอตัวเช้าชิงชัยเยอะมาก ไล่ไปตั้งแต่
วุฒิสมาชิกจากมลรัฐอริโซน่า John McCain
อดีตผู้ว่าการรัฐ Massachusetts Mitt Romney
อดีตนายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์ก ผู้โด่งดังจากเหตุการณ์ 9/11 Rudy Giuliani
อดีตผู้ว่าการรัฐ อาร์คันซอ Mike Huckabee
และอีกหลายๆคน

ก่อนการหยั่งเสียงนั้น
นาย McCain ซึ่งเสนอตัวก่อนใครเพื่อนนั้น มีคะแนนำ
แต่พอเอาเข้าจริงแล้วปราฏว่า สาวก รีพลับลิกันนั้น เทคะแนนโหวตให้กับ
Mike Huckabee ไปถึง 34% ทิ้งห่าง Romney ซึ่งได้เพียง 25% เท่านั้น McCain ได้ไป 13% ส่วน Giuliani ได้แค่ 4% เท่านั้นเอง

ถ้าผลของรัฐอื่นๆ ไม่ต่างไปจากนี้
คู่ชิง ประธานาธิบดี ของสหรัฐฯ ในปลายปี จะเป็น
Barack Obama กับ Mike Huckabee
เป็นมวย ก็คงยืนซดกันมันหยดแน่นอน

ไว้จะไปหาความรู้ว่า เค้าเหยั่งเสียงกันแล้ว แล้วจะตัดสินยังไงว่าใครจะได้เป็นตัวแทนพรรคนะครับ
เพราะก็ยังสงสัยเหมือนกัน