Monday, March 19, 2007

ย่ำแดนมังกร(17) : ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ชิมอาหาร ย่ำนาธาน


หายหน้าไปนานสำหรับการท่องเที่ยวที่ฮ่องกง สู้อุตส่าห์เบียดบังเวลาทำวิทยานิพนธ์มาเล่าให้มันจบๆกันดีกว่านะ ว่ามั๊ย


เท้าความจากตอนที่แล้ว หลังจากที่ไปชม วิคตอเรียพีค ยอดเขาทีทุกทัวร์จากเสียมก๊กต้องไปเยือน แล้วก็ขอข้ามระเห็จไป toy'r'us ความนี้ขอน้อมกลับไปที่ การไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อ่าวรีพลัส หรือชื่อภาษาปะกิดว่า Repulse่ Bay

ก็เนื่องจากชาวฮ่องกงเค้าไม่มีหาดทรายแบบบ้านเรา ทางการเค้าก็เลยจัดการหาเงินจาก การเล่นม้า เอาทรายมาถมทะเลซะเลย แล้วไหนๆก็ถมทะเลแล้วหาอะไรมาเป็นจุดขายกันบ้าง ดีจริง

ก็เลยสร้าง องค์เจ้าแม่กวนอิม ให้เราไว้ซะเลย


รถโค้ชคันเดิมแหละ พาพวกเราตรงไปขึ้นเขาไปยังอ่าวรีพลัส แล้วไกด์สาวซาซ่า ก็ชี้ให้ดู สวนสนุก โอเชี่ยนปาร์ค ที่ที่เราไม่ได้ไป ฮ่วย

แล้วก็ชี้ให้ดู อ่าว ซึ่งถมทะเล แล้วก็มีเชือกหรือทุ่น เหลืองๆ กันไว้ ไกด์บอกว่า เป็นจุดที่ ห้ามนักท่องเที่ยวหรือใครๆ ลงไปในน้ำหรือ แล่นเรือเกินกว่าทุ่น นี้เพราะว่า ไกลจากนี้ อาจจะโดนฉลามงาบไปก็เป็นได้ น่ากลัวจริง


สักพักรถก็จอดให้เราลง แล้วก็เดินลงเขาไปเล็กน้อย ก็ไปเจอกับ ตัวผีชิว หรือ ปี่เซียะ ก็ลูบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เอาเงินเอาทองเข้ามากระเป๋าเรา (มาคิดดู ก็คิดว่า กรูทำไปได้)

จากนั้นก็มาไหว้เจ้าแม่กวนอิมครับ ต่อแถวกันยาวมากๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่ใช่จะยกมือไหว้แล้วก็จบนะครับ เค้าจะมีจุดให้ไหว้ ประมาณว่าจุดนี้นี่แหละ ที่เจ้าแม่กวนอิมจะมองลงมา แล้ว ก็จะเป็นจุดที่มีพลังมากที่สุด ว้าว คนก็เลยต่อแถวกันยาวเหยียดเลย



จากนั้นก็ไปลูบพุงของพระสังกัจจายน์


แล้วก็ข้ามสะพานข้างบนนี่ครับ แล้วก็จะโชคดี

ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกเป็นกระบุง อาทิ เจ้าแม่ทับทิม องค์นี้พวกชาวจีนที่เป็นชาวประมงจะนับถือมาก บ้านเราก็ีมีศาลอยุ่ที่ เชิงสะพานซังฮี้ฝั่งพระนคร พวกไหหลำ นี่นับถือมากๆเลยครับ

นอกนั้นก็เป็นเทพอะไรมากมาย แต่ไม่มีเทพ โพธิ์งาม นะครับ

คนหนุ่มสาวที่ไปเป็นคู่จะมาถ่ายรูปที่หินคู่รักกัน

เมืองไทยไม่ยอมสร้างอะไรอย่างนี้บ้างนะ เหอๆ

ไกด์ก็ปล่อยให้เราเดินเที่ยวบนหาดทรายไป ก็มีทั้งคนจีน แล้วก็ฝรั่งนุ่งบีกินนี่ เดินเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ก็เพลินดี แต่ร้อนไปหน่อย

ไม่นานไกด์ก็เรียกขึ้นรถ ได้เวลากลับโรงแรมกันแล้ว


โรงแรมที่เรานอนชื่อว่า อะไรจำไม่ได้ แต่อยู่บนถนน นาธาน เลยแหละ

อาหารเย็นคืนนั้น จะบอกว่า โคตรอร่อยเลย เป็นอาหารแบบฮ่องกง รสชาติแต้จิ๋ว ถูกปากคนไทยนัก

พอกินเสร็จ ไกด์ซาซ่า ก็บ๊ายบายลาเราไป แล้วก็ส่งมอบเราให้กับ ไกด์ป้า อีกคน :)

แล้วคืนนั้น เราก็ไปเดินย่ำ นาธานโร้ดครับ


ถนนนาธาน เป็นถนนสายธุรกิจของที่ ฮ่องกงทีเดียว ประมาณ สีลม มั้ง
จะมีร้านค้าเรียงราย ขายตั้งแต่กล้องถ่ายรูป ทองคำ เสื้อผ้าแบรนด์เนมแท้ๆ ฯลฯ

ผมก็เริ่มต้นจากหัวมุม โรงแรมที่พักนั่นแหละ ร้านแรกที่ตรงไป จริงๆไม่ได้ตั้งใจเข้า คือ Giodarno ร้านเสื้อผ้ายี่ห้อของฮ่องกง เข้าไปก็ตามธรรมเนียม อาหมวย ก็ทักทายเ็ป็นภาษาจีนแล้วก็ยาวๆๆๆๆ จนต้องบอกว่า กรูฟังไม่รู้เรื่อง พูดอังกิดเหอะ แม้จะหน้าเหมือนคนจีนก็ตาม

เสื้อผ้าราคาไม่ได้ถูกกว่าเมืองไทย แต่ว่า ซื้อแล้วมันจะแถมให้ประมาณซื้อ 2 แถม 1 อะไรทำนองนี้ ก็ชอปปิ้งเลย จากจิออ ไปเรื่อยๆ เข้าไปในห้างของเค้า ราคาของน่าสยดสยองมากๆ เพราะว่าแพงโคตร ซื้อไม่ลงน่ะ

เดินไปก็ไปหยุดที่ ไม่ต่างเลา หรือว่า แมคโดนัลด์ นั่นแหละ เอาโค้ก กันไอติมมากิน ปรากฏว่า พอยื่นเงินให้คนขายไม่เอา เพราะว่า เราดันยื่นเงินหยวนให้เค้าอะดิ จะรุ้เหรอ ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ ก็เงินเหรียญหนึ่งหยวน กับ หนึ่งเหรียญฮ่องกงมันคล้ายกันนี่หว่า ใครจะรู้วะ

มาเมืองฮ่องกงแล้ว ก็ลองเข้า 7-11 ที่ฮ่องกง ดูบ้าง เข้าไปก็การจัดวางไม่เหมือบ้านเราเท่าไร แล้วก็โคตรแคบๆๆๆ เลย หายใจเกือบไม่ออก ราคาของพอตีเป็นเงินไทย ก็พอๆกันแหละน่า แปลว่า PPP ทำงานได้ผล เหอๆ

ริมถนน นาธาน นอกจากของแพงๆแล้ว มันมีซอยนึง ซึ่งถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น เค้าเรียกว่า สำเพ็งฮ่องกง คือขายเสื้อผ้าขายส่งแล้วก็ราคาถูกมาก ใครไปก็ลองเดินไปดูนะ
ควรแก่เวลาแล้ว ผมกับพี่ ก็กลับไปที่ที่พัก ระหว่างทาง ก็ไปขนพวกขนม จากร้านใต้โรงแรม

คืนนั้นหมดเงินไปหลายอัฐ แล้วก็ไปอุดอู้กับห้องที่แสนจะแคบของโรงแรมฮ่องกง ฮิฮิ

เจอกันที่ ดิสนีย์แลนด์นะครับ

Sunday, March 11, 2007

เป็นอะไรกันนี่!!!

สวัสดีครับ ผมหายไปจากวงการ blog นานมากแล้ว ยังติดค้างเรื่องไปเที่ยวฮ่องกง กับ ปาย
ดูออกจะเป็นการเดินทางบนเส้นทางอันยาวไกลเสียจริง ก็ถ้าจะอยากอ่าน หรือ อยากพบอะไรสนุกๆ(เหรอ) ก็ขอให้จงติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยตึกๆๆๆๆๆๆๆ

หลังจากรัฐประหาร ผมก็เป็นคนหนึ่งในสังคมที่เฝ้าติดตามคมช.และพรรคพวก (แม้ไม่ตามติดแบบหนัง Final Score) ว่า จะไปในทิศทางใด แต่แล้วก็ให้เจอะกับข่าวที่ไม่สบายใจ ไม่สบายใจว่า

ประชาธิปไตย สิทธิของประชาชนในการเลือกผู้แทนของตัวเอง แล้วผู้แทน ก็รับเงิน เอ้ย...รับหน้าที่ ไปเลือกนายกรัฐมนตรีในสภาฯ นั้น
บัดนี้ ก็ไม่แน่ว่า จะเป็นไปแบบแช่แป้ง ตามที่คนเดือนพฤษภาฯเคยเรียกร้องหรือไม่ประการใด เพราะฟังจากน้ำเสียงของประธานยกร่างผู้มีไปป์อยู่ในปากแล้วนั่น ก็ดูเหมือนจะขานรับกับการเปิดช่องให้นายกฯ มาจากที่ไหนก็ได้ในจักรวาล ไมจำเป็นจะต้องเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยอีกต่อไป

ยุ่งตายห่า++

เหตุผลของท่านผู้ทรงภูมิทั้งหลาย บอกว่า ให้ดูตัวอย่าง พฤษภาทมิฬ นั่นปะไร นายกคนนอก อย่างคุณอานันท์(รัฐบาลเผด็จการทหารอย่างที่ ลุงหมัก-ดุสิต ชอบว่า) ก็ขี่ม้าขาวเข้ามาทลายปัญหา(เหรอ)

ไปได้น้ำขุ่นๆ

ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ว่านี่หรือ ที่ทำให้ เกิดวลี "เสียสัตย์เพื่อชาติ" ของบิ๊กสุ นั่น

แล้วก็อะไรต่อมิอะไรตามมามากมาย

จนวันนี้ นอกจาก สสร. จะเสนอมาแล้ว

เจ้าของวลีข้างบนนั่น ก็ออกมาสำทับชูจักกะแร้ หนุนด้วย

เป็นอะไรกันหมดเนี่ย

ถ้าเกิดคลอดออกอย่างนี้ ลุงเติ้ง กับ พี่มาร์ค ก็คงฝันค้างไปหลายวันแหงมๆ

ก็ถ้าคลอดมาจริงๆ รัฐธรรมนูญ ฉบับที่กำลังร่างนี่ ก็พับเก็บไปเลย โดนคว่ำแน่นอน


กลับมาดูปราฏการณ์ จตุคามรามเทพ ฟีเวอร์กันบ้าง ก็ต้องอุทานว่า อะไรกันนี่!!!

คงไม่ต้องสาธกยกโวหาร มาอธิบายถึงความคลั่งของพุทธบริษัทจำกัดมหาชนทั้งหลายบนผืนแผ่นสุวรรณภูมิอันอุดม

นี่ไม่ใช่ความเชื่อ อย่าพูดว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่
นี่คือ ไสยศาสตร์ ศาสตร์แห่งความหลงใหลได้ปลื้มไปกับสิ่งที่คิดว่า ตนเองจะได้ประโยชน์
ก็คือ จะรวย จากการแขวน

ผมล่ะตลก จนแทบบางทีจะตลกไม่ออก

เจอ จตุคามฯ รุ่น รวยล้นฟ้า รุ่นรวยโคตร รุ่นโคตรอภิมหาเศรษฐี

สงสัยไอ้คนจะรวยก็คือคนทำขายนั่นแหละมั้ง (ฮา) โคตรรวยเลย

ก็ด้วยโลภะ ก็เกิดทุกข์ ไปสั่งจองเสียกะตังค์ เลี่ยมทอง หามาเป็นเจ้าของ
พอปั๊ม ไม่แห้ง ยุ่ยติดมือ ก็ยังโวยวาย ขว้างทิ้งเสียอีก
พระพยอมท่านบอกว่า ขนาดจตุคามยังเปื่อยเลย คนจะรอดรึ

ไปกันใหญ่ ก็ทีวีบางช่อง ก็ให้ผู้ชมโทรมา แล้วก็แจกจตุคามรามเทพ เอากับเค้าสิ

มีโจ๊กเรื่องหนึ่ง
เคยมีคนถามว่าหลวงพ่อคูณว่า "หลวงพ่อทำไมแขวนเหรียญหลวงพ่อแล้ว รถคว่ำ ยังตายอีกล่ะ"
หลวงพ่อคูณก็ถามกลับไปว่า "แล้วมันขับเร็วเท่าไร"
คนคนนั้น ก็ตอบว่า "140 ขอรับหลวงพ่อ"
หลวงพ่อคูณก็ตอบว่า "โอ้ย กูกระโดดออกตั้งแต่ 90 แล้วไอ้นาย"

อยู่ที่ตัวเราเองต่างหาก
ถ้าตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท รู้จักเก็บหอมรอมริบ ทำมาหากิน ไม่เอาเงินไปซื้อMac หรือ Wii ก็จะรวยเองแหละ
สาธุ

อุฏฺฐานวโต สติมโต สุจิกมฺมสฺส นิสมฺมาการิโน
สญฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ

ยศย่อมเจริญแก่ผู้มีความหมั่น มีสติ มีการงานสะอาด ใคร่ครวญแล้วทำ ระวังดีแล้ว เป็นอยู่โดยธรรม และไม่ประมาท

Thursday, March 01, 2007

ปาย....ใครว่าโลกร้อน(2.5)

สำนึกคิดให้ปรากฏจิตสดใส
เรื่องสนุกสุขีที่เมืองปาย
เมื่อจากไกลเมืองฟ้ามหานคร

ตื่นเต้นอยู่ในใจมิได้หยุด
ความคิดผุดพรูพรั่งดั่งภาพหลอน
จะทอดถ่ายผายผ่านบทกานท์กลอน
จงนั่งนอนตะแคงอ่านรำบานใจ

ย้อนความหลังอันงามงดบทที่สอง
เลียบคูคลองภูผาพนาสัย
ผ่านทางแถวอันเลี้ยวลดคดโค้งไกล
ถึงเมืองปายที่หมายมั่นในทันที

สงบนิ่งอิงผาฟ้าสีคราม
สะอาดตาแลดูงามตามวิถี
ไกลใกล้หมอกจางดั่งสำลี
ขุนคีรีโอบกอดอยู่รอบกาย

ลมผิวผิวแผ่วผ่านนานนับเนิ่น
ริมเนินริมน้ำลำธารใส
กรุ่นกลิ่นบุปผาผกาไพร
แทรกไปในวิถีที่พอเพียง

หยุดความคิดของท่านอยู่ตรงนั้นแหละครับ เพราะว่าปาย
แท้จริงแล้วมันก้ไม่สวยงามเหมือนไอ้ที่ข้างบน(ผม) จาระไนออกมาเป็นกลอนหรอก
เพราะว่าภาพที่เห้นจากเมื่อขาก้าวแรกลงรถ ก็คือ ฝรั่ง
ฝรั่งชาวต่างชาติ หอบลูกจูงหลาน ดั่งเขมรพึ่งแตกเอาเมื่อวานซืน

ปาย กลายเป็น ถนนข้าวสาร ไปเสียแล้ว
รถราขวักไขว่ บอใบไม้ทับถม

ไม่รอช้า เรามีจุดหมายไปที่ห้วยน้ำดังกัน ก็เลยหอบของไปฝากไว้ที่หลับฝันดีเกสเฮ้าต์ ซึ่งลอตโต้คุง และแพน รุ้จักเจ้าของเป็นอย่างดี
ไม่พูดพล่ามแหละ เราก็เก็บของเสร็จออกมา ว่าจ้างรถไปห้วยน้ำดัง
แล้วก็ว่าจะไปกินส้มตำหน้าอำเภอ (มาถึงปายดันไปกินส้มตำ)

ไว้มีเวลามากกว่านี้จะมาจาระไนเรื่อง พี่บ่าง ให้ฟัง

ตอนนี้ โดนไอ้ผักมันเร่งไปกินข้าวแล้ว

ปล. เรื่องฮ่องกง สัญญาว่าจะมาเขียนครั้งหน้าคั่นกับเรื่องไปปาย
ปล.๒ thesis ยังไม่ได้ present proposal เลย